ศาสตร์ว่าด้วยการอดอั้น
การปวดท้องในที่สาธารณะอาจเป็นปัญหาเฉพาะหน้าที่อาจเกิดกับบางคนแค่นาน ๆ ครั้ง แต่กับชายที่ต้องเจอปัญหานี้เป็นประจำ แน่นอนว่าเขาต้องสั่งสมโนว์ฮาวในเรื่องขับถ่ายนี้มากมาย และเขาก็ยินดีอย่างยิ่งที่จะนำมาเล่าสู่กันฟัง แล้วคุณจะรู้ว่าเรื่องนี้มีประโยชน์มากกว่าเป็นแค่เรื่องขำ ๆ !
"Clean Food" อาหารแนวคิดใหม่
พูดถึงเรื่องอาหารการกินในปัจจุบันล้วนมีสารปรุงแต่งรสชาติและสีสันมากมายเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค คนทำงานที่ใช้ชีวิตอย่างเร่งรีบต่างก็เน้นอาหารที่รวดเร็วอิ่มท้องและรสชาติถูกลิ้น จนลืมคำนึงถึงสารอาหารที่ได้รับ ทำให้ส่งผลเสียต่อสุขภาพในระยะยาว วันนี้เราจะมาคุยกับ "นีด" สวรรยา จรูญวัฒนา สาวร่างสูงโปร่งแห่งออฟฟิศ Thinknet เธอจะมาเล่าเรื่องราวการกิน "อาหารคลีน" หรือ clean food รวมถึงแชร์ประสบการณ์ลดน้ำหนักแบบได้ผลมาแนะนำให้ทราบกัน ถ้าอยากรู้กันแล้วก็อย่าร้อช้า ตามไปถามเธอกันเร็ววว !!!
เวลาที่เลือกใช้ของผู้ชายชื่อปิง
หนุ่มร่างสูงโปร่งในชุดวิ่งทะมัดทะแมงเดินเข้าออกออฟฟิศเป็นภาพแปลกตาสำหรับผู้ที่ได้พบเห็น หากย้อนไปสักปีก่อน กิจกรรมหลังเลิกงานตอนเย็นของเขาจะเป็นการพาร่างขนาด 108 กก.ในชุดพนักงานบริษัทออกไปทานอาหารเย็นและสังสรรค์ตามประสา ทว่าวันนี้ ทั้งกิจกรรม ความคิด และรูปร่างของเขาได้เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง มาทำความรู้จักกับ ปิง ณัฐวุฒิ สาระทัศนานันท์ ชายผู้ใช้เวลาไปกับการเปลี่ยนแปลงตัวเองได้อย่างน่าทึ่งคนนี้กันเลยดีกว่า
เนรมิตหุ่นฟิตเปรี๊ยะด้วย T25
กระแส T25 ฟีเวอร์กำลังโด่งดังในหมู่คนรักสุขภาพ ดารา และคนมีชื่อเสียง เพราะด้วยผลลัพธ์อันน่าทึ่งของคนที่ได้ลองเล่นแล้วออกมาโชว์รูปร่างงาม ๆ กันอย่างต่อเนื่อง ยิ่งทำให้คนที่สนใจอยากออกกำลังกายเริ่มคิดจะลองเล่น T25 กันขึ้นมาบ้าง ... วันนี้เรามาสัมภาษณ์ พี่เอส อภิญญา ประทีปแก้ว พนักงานออฟฟิศผู้รักสุขภาพ เธอจะมาบอกเล่าประสบการณ์เกี่ยวกับการออกกำลังกายแบบ T25 ให้ได้รู้กัน ถ้าอยากหุ่นเซี๊ยะฟิตเปรี๊ยะก็ลองตามไปเล่น T25 กับเธอกันเลย !!!
สองล้อคู่ใจกับสาวหน้าใสสุดติสท์
ในกรุงเทพมหานคร เมืองหลวงอันศิวิไลซ์ของใครหลายคน ยังมีผู้หญิงตัวเล็ก ๆ อย่าง ฝ้าย ... ปวีณพร วิจิตรานุช สาวกราฟิกดีไซเนอร์ไฟแรงที่มีชีวิตประจำวันคลุกคลีอยู่กับจักรยานคันโปรดของเธอ ทั้งปั่นมาทำงาน และปั่นไปเที่ยว ชื่นชมเรื่องราวระหว่างสองข้างทาง นั่นเป็นสิ่งล้ำค่าที่เธอบอกว่า มันทำให้ชีวิตของเธอสนุกสนานและมีความสุขมากขึ้นเป็นกอง...อย่ารอช้า มาทำความรู้จักกับเธอกันดีกว่า !!!
สองแขนที่เหล็กดาม
คนสองคนที่ประสบอุบัติเหตุต่างกรรมต่างวาระกัน จนเกิดรอยแผลเป็นที่แขนซ้ายเหมือนกันโดยต้องใช้เหล็กฝังอยู่ภายใน อุบัติเหตุเหล่านั้นทำให้พวกเขามองโลกและใช้ชีวิตต่างไปจากเดิมไหม และเราจะเรียนรู้อะไรจากประสบการณ์ของพวกเขาได้บ้าง ลองมาฟัง เบียร์ - ศิระวิทย์ รัตนภักดี และ เจ๋ง - สุมล ผ่องฉาย กับเรื่องราวของพวกเขากัน
ศาสตร์ว่าด้วยการอดอั้น
การปวดท้องในที่สาธารณะอาจเป็นปัญหาเฉพาะหน้าที่อาจเกิดกับบางคนแค่นาน ๆ ครั้ง แต่กับชายที่ต้องเจอปัญหานี้เป็นประจำ แน่นอนว่าเขาต้องสั่งสมโนว์ฮาวในเรื่องขับถ่ายนี้มากมาย และเขาก็ยินดีอย่างยิ่งที่จะนำมาเล่าสู่กันฟัง แล้วคุณจะรู้ว่าเรื่องนี้มีประโยชน์มากกว่าเป็นแค่เรื่องขำ ๆ !
แนะนำตัวหน่อยค่ะ
ชื่ออิศเรศ เสลจุล ชื่อเล่นชื่อแจ็ก เป็น Senior Software Technical Specialist ดูแลเรื่องการทำ Mobile Application ครับ เป็นคนท้องเสียบ่อยมาตั้งแต่เด็ก โดยเฉพาะตอนเช้า ถ้ากินอะไรเผ็ดก็จะเริ่มมาละ ปกติเองก็ชอบกินส้มตำหรือว่าอะไรเผ็ด ๆ อยู่แล้ว ไม่ได้หลีกเลี่ยงเพราะห้ามปากไม่ได้
ห้ามตูดก็ไม่ได้
ถูก ที่บ้านก็กินมาแบบนี้ตลอด กินของที่ไม่มีพริกไม่ได้ มันจะเลี่ยน
ประสบการณ์ต้องอั้นครั้งไหนที่ประทับใจที่สุด
ตอนมาทำงานที่นี่แรก ๆ พักอยู่แถวบางมด เวลาเดินทางมาทำงานก็นั่งรถเมล์สาย 75 คืนก่อนหน้าไปกินส้มตำ ตอนเช้าก็อาบน้ำปกติไม่มีอะไร แอบรู้สึกว่าท้องมันแปลก ๆ แต่ไม่คิดอะไร ขึ้นรถมันก็จอดทุกป้าย ขับก็ไม่ค่อยดี อาการก็เริ่มมา ตอนแรกพยายามอั้นไว้ประมาณซัก 10-5 กม.
10-5 กม.?
เออ 5-10 กม. 5555 ก็ไม่ไหว เลยตัดสินใจลงป้ายแถววงเวียนใหญ่แล้วหาร้านอาหาร ตอนนั้นยังไม่มีรถไฟฟ้า แต่ก็เจอร้านที่ป้ายเลย
แล้วทำยังไงคะ
สั่งกะเพราไก่ครับ 5555 แล้วเข้าห้องน้ำ บอกว่าเดี๋ยวออกมาเอา เป็นความทรงจำที่ไม่เคยลืม ทุกวันนี้นั่งรถผ่านก็ยังขอบคุณครับที่ไม่ทำให้อับอายขายหน้า
เวลาปวดท้องมีอาการยังไงบ้าง
เหงื่อออก ขนลุก ลำไส้บิด พยายามหน้านิ่งไว้
ถ้ากินของเผ็ดเข้าไปแล้วทำนายได้ไหมคะว่าอีกกี่ชั่วโมงจะมา
คือมันขึ้นอยู่กับท้องว่างหรือเปล่าด้วย ถ้าเกิดกินอะไรรองท้องก่อน มันจะไม่เสีย
ต้องมีเงื่อนไขด้วย ? คล้าย ๆ เหล้าเนาะ แล้วทำไมถึงอยากเปิดเผยเรื่องนี้ล่ะคะ
คิดว่าน่าจะมีคนที่ประสบปัญหาเหมือนเรา เลยอยากแชร์วิธีการแก้ปัญหาครับ
เวลาไปเที่ยวต่างจังหวัด
จะงดของเผ็ดไปเลย แต่บางทีไปเที่ยวต้องได้กินของแปลก ๆ บ้าง ก็เป็นอยู่ดี ต้องหาปั๊ม แต่ไม่เคยเข้าป่านะ
รอดมาได้ยังไงคะ
จริง
ทุกคนมันต้องซักครั้งในชีวิต
ไม่เคยครับ ยังไงเราก็ต้องหาห้องน้ำให้ได้
โอเคค่ะ... จะเข้าใจหัวอกแจ็กได้ ต้องรู้อะไรบ้างคะ
ก่อนอื่นเราต้องรู้จักอาการปวดถ่ายก่อน มันจะเกิดจากกากอาหารไหลลงมาที่ไส้ตรง (Rectum) ซึ่งเป็นส่วนสุดท้ายของลำไส้ใหญ่ มีความยาวประมาณ 15 ซม. ปลายไส้ตรงนี่ล่ะคือทวารหนัก (Anus) ที่จะมีกล้ามเนื้อหูรูด 2 อันคอยควบคุมการเปิดปิด อันแรกเป็นกล้ามเนื้อหูรูดด้านใน จะถูกควบคุมโดยระบบประสาทอัตโนมัติ ไม่อยู่ใต้บังคับของจิตใจ ส่วนกล้ามเนื้อหูรูดด้านนอกอยู่ภายใต้บังคับของจิตใจ และสำคัญมากในการควบคุมการปิดเปิดของทวารหนัก เลยอยากให้รู้ไว้ว่ามันบังคับได้นะ
หูรูดด้านในมันมีพลังมากกว่าหูรูดด้านนอกมั้ยคะ เพราะส่วนใหญ่ด้านนอกมันจะแพ้
อืม มันคงเป็นเรื่องที่เราต้องศึกษาต่อไป
อะทีนี้เราเริ่มปวดละไม่มีที่ปล่อย ทำไงดี
เราได้อ่านมาว่า ระบบประสาทอัตโนมัติเนี่ยมันสามารถชะลอให้ทำงานช้าลงได้โดยการทำสมาธิ ไม่แน่ใจว่าเกี่ยวกับสารเคมีในร่างกายหรือเปล่า แต่ว่าการมีสมาธิน่าจะไปทำให้สารพวกนี้ทำงานช้าลง
คือพอคนชิลล์ มันก็ชิลล์ด้วย
ช่าย เริ่มจากการกำหนดลมหายใจ เข้าลึก ออกลึก ท่องไว้ ยุบหนอ พองหนอ ทำให้ประสาทส่วนอัตโนมัติซิมพาเธติกและพาราซิมพาเธติกทำงานช้าลง
แล้วมันหายปวดเลยหรอคะ
(นิ่งคิดนานมาก) ก็ไม่หาย (หัวเราะ) มันช่วยถ่วงเวลาในระดับนึง มันอาจจะเพราะเราไม่กดดันนับเวลาด้วยไง ซึ่งถ้าเราเครียดสารเคมีหลั่งก็อาจจะกระทบ แล้ววิธีที่สองคือกดจุดเหอกู่ อยู่ตรงเนินหลังมือระหว่างนิ้วชี้กับนิ้วโป้ง กดไป 4 ครั้งแรง ๆ อันนี้ได้ผลจริง ๆ เคยใช้แล้ว แต่มันทำงานยังไงก็ไม่รู้เป็นเรื่องลมปราณของศาสตร์จีน
สารทจีน ขนมเทียนมา
(ไม่สนใจ ยังเล่าต่อ) มันหยุดบีบเลย เรื่องจริง ยิ่งบีบแรงยิ่งหยุด บางทีหยุดยาวไม่ต้องเข้าห้องน้ำอีกเลย ไม่รู้เป็นเฉพาะเราหรือเปล่า
พวกนี้คือในส่วนของกล้ามเนื้อหูรูดด้านใน แล้วหูรูดด้านนอกล่ะคะ
ก็ใช้วิธีฝึกขมิบรูตูดทุกวันช่วยได้ครับ กล้ามเนื้อหูรูดคุณจะแข็งแรง ข้าศึกจะพังกำแพงคุณได้ยากขึ้น
เรามีนับขมิบกี่ครั้งเป็นกี่เซทมั้ยคะ
(นิ่งคิด) ไม่เคยทำ
อ้าว จริง ๆ น่าจะลองหัดนะ
มันต้องช่วยอยู่แล้วแหละ แต่ถ้าอยู่บนรถไฟฟ้า การเอาตูดหนีบเสาอาจใช้เป็นท่าไม้ตายได้นะครับ... พูดเล่น
การอั้นบ่อย ๆ มันจะมีผลเสียต่อร่างกายไหมคะ
ก็อาจจะเป็น ถ้าเป็นไปได้ให้รีบหาห้องน้ำดีกว่า แต่อย่างเราท้องเสียต้องอั้นบ่อย ก็ไม่ได้ทำให้ขับถ่ายยากกว่าปกตินะ
เรื่องปวดท้องนี่ระวังที่อาหารได้มั้ยคะ
ได้เหมือนกัน อย่างส้มตำ ยำ ลาบ สลัด หน้าร้อนยิ่งอันตรายมันเสียง่าย ของที่เข้ากะทิ ขนมจีน ข้าวผัดปูก็เหมือนกัน ที่นึกไม่ถึงอาจเป็นข้าวมันไก่กับน้ำแข็ง
น้ำแข็งมันยังไงคะ
เราไม่รู้ว่ามันผ่านอะไรมาบ้าง เค้าเอาน้ำอะไรมาทำ ขนส่งสะอาดหรือเปล่า
เมื่ออั้นจนได้ระยะแล้ว ยังไม่ถึงจุดอันควรปลดปล่อย ทำยังไงต่อดี
ทีนี้การหาห้องน้ำตามที่สาธารณะก็จะเกิดขึ้น ที่หาง่ายที่สุดคือห้องน้ำร้านอาหารตามสั่งทั่ว ๆ ไป ในกรุงเทพฯ มีเยอะมาก ดูที่เป็นตึกแถวนะ แต่ไม่แน่ตามรถเข็นอาจจะมีก็ได้
ต้องทำยังไงคะ บอกพี่ ผมปวดท้อง อย่างนี้หรอ
ต้องซื้อใจ ก็ต้องซื้อข้าว
เอ่อ ต้องหาโต๊ะนั่งเพื่อสั่งอาหารอีกหรอคะ
สั่งกะเพราไก่ใส่ถุงก็ได้ บอกเดี๋ยวออกมาเอา อะไรอย่างนี้ แต่ห้องน้ำจะไม่ค่อยสะอาดเท่าไหร่
เสร็จธุระ ได้กะเพราเพิ่มมา 1 ถุง
ถ้าอยู่ในรัศมี ก็ไปใช้ห้องน้ำของหน่วยงานราชการก็ได้ อย่างเช่นโรงเรียน โรงพยาบาล วัด พวกนี้วันธรรมดาจะเปิดแต่เช้าอยู่แล้ว เดินเข้าไปเลย
อย่างนี้แจ็กต้องแม่นยำตำแหน่งสถานที่ราชการราวกับจีพีเอสเลยนะ
ก็พอรู้บ้าง 555 เอามือถือออกมาดูแผนที่เลย หรือหาธงชาติไทยก็ได้
โอ ปวดท้องปั๊บ มองหาเสาธง
หรือมองหาโบสถ์ เจดีย์ อะไรอย่างนี้ แต่ห้องน้ำโรงเรียนจะสะอาดหน่อย หรือมหาลัยก็ได้ ถ้ามารถยนต์เข้าปั๊มจะสบายมาก จากที่รีวิวมา ปั๊มปตท.สะอาดสุด รองลงมาคือบางจาก แต่บางจากก็กำลังมาละ บางที่สะอาดกว่าปตท.อีก ถ้ามาด้วย BTS ก็เนี่ย มีคนทำไว้
ส่วนรถไฟใต้ดินเขามีห้องน้ำในสถานีนะ
ห้องน้ำสาธารณะจริง ๆ หรือห้องน้ำที่ต้องบอกยามถึงจะเข้าได้คะ
สาธารณะ เราเข้ามาแล้ว อยู่นอกที่ตื๊ดบัตรเลย มีที่สุขุมวิท พระราม 9 ลาดพร้าว พหลโยธิน สวนจตุจักร แล้วก็กำแพงเพชร แต่ความสะอาดแต่ละสถานีอาจจะต่างกันหน่อย ตอนนี้มีแค่ 6 สถานี ถ้าทำห้องน้ำเพิ่มก็ดีเหมือนกัน
ส้วมที่ไหนคาดไม่ถึงที่สุด น่าภูมิใจว่าเราตามไปเข้าได้
เคยแต่ไปขอแล้วเค้าไม่ให้เข้า เป็นสถานีรถไฟใต้ดินที่เค้าไม่ได้มีห้องน้ำสาธารณะ เค้าบอกให้ขึ้นไปเข้าห้างข้างบน เหมือนข้างล่างให้แต่พนักงาน ตอนนั้นยังไม่มีข้อมูลไง
แจ็กทำแอพแบบนี้ เอาองค์ความรู้เรื่องอั้น ๆ มาประยุกต์กับงานตัวเองบ้างมั้ย
ยังนะ แต่ฝรั่งเขามีแอพเรื่องห้องน้ำแล้ว ชื่อ CLOO App น่าจะเป็นของอเมริกา แชร์ระหว่างคนที่มีห้องน้ำกับคนที่ต้องการห้องน้ำ คือเขาอาจจะเคยทุกข์มาก่อนเลยอยากจะปลดเปลื้องทุกข์ของคนอื่นบ้าง ก็ลงทะเบียนห้องน้ำบ้านของตัวเองไว้ สำหรับคนใช้แอพพอปวดกลางทางก็เปิดแอพดูพิกัดส้วมที่ลงทะเบียน พอเลือกได้แล้วให้กดขอเข้า พอเจ้าของบ้านตอบอนุญาตก็ไปปลดทุกข์ซะ เสร็จธุระแล้วเอาโทรศัพท์ชนกันเป็นการแลกแต้ม เจ้าของบ้านสามารถเอาแต้มไปแลกทิชชู่ที่เป็นสปอนเซอร์ได้ คนใช้แอพก็เขียนรีวิวให้แรงค์ห้องน้ำได้
ต่อไปคงได้ทำออกมาเองบ้างนะ
ก็อยากทำ แต่ยังหาข้อมูลอยู่ ยังคิดไม่ออกว่าจะทำยังไงให้คนมาใช้
สุดท้าย ให้กำลังใจคนที่ประสบปัญหาเดียวกันนี้หน่อยค่ะ
ทางที่ดีที่สุดที่จะไม่ต้องอั้น คือรับประทานอาหารให้ถูกสุขลักษณะ อย่ากินของเผ็ด ของเปรี้ยวครับ
"Clean Food" อาหารแนวคิดใหม่
พูดถึงเรื่องอาหารการกินในปัจจุบันล้วนมีสารปรุงแต่งรสชาติและสีสันมากมายเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค คนทำงานที่ใช้ชีวิตอย่างเร่งรีบต่างก็เน้นอาหารที่รวดเร็วอิ่มท้องและรสชาติถูกลิ้น จนลืมคำนึงถึงสารอาหารที่ได้รับ ทำให้ส่งผลเสียต่อสุขภาพในระยะยาว วันนี้เราจะมาคุยกับ
"นีด" สวรรยา จรูญวัฒนา สาวร่างสูงโปร่งแห่งออฟฟิศ Thinknet เธอจะมาเล่าเรื่องราวการกิน
"อาหารคลีน" หรือ
clean food รวมถึงแชร์ประสบการณ์ลดน้ำหนักแบบได้ผลมาแนะนำให้ทราบกัน ถ้าอยากรู้กันแล้วก็อย่าร้อช้า ตามไปถามเธอกันเร็ววว !!!
ก่อนที่จะมากินอาหารคลีน พี่นีดชอบกินอาหารแบบไหน ?
แต่ก่อนชอบพวกกินขนมกับของหวาน ชอบมากเลยคือขนมปังกับเค้ก ทุกครั้งที่ในแผนกจะซื้อเค้กก้อนใหญ่ ๆ มา จะมีครีมบนหน้าเค้ก คนอื่นจะไม่กิน พี่ก็จะตักครีมกินอยู่คนเดียว
แล้วทำไมคิดเปลี่ยนมากินอาหารคลีน ?
จุดเริ่มต้นมาจากการลดน้ำหนักก่อน ช่วงที่น้ำหนักมากที่สุดคือ 69 กก. กางเกงที่ซื้อมาก็เริ่มแน่น บวกกับเป็นคนตัวใหญ่ แขนขาใหญ่ เลยอยากลดน้ำหนักแบบจริงจังขึ้นมา เลยหาข้อมูลในอินเทอร์เน็ตว่าเขาลดน้ำหนักกันยังไง บังเอิญไปเจอคลิปของคุณจอห์นวิญญู ชื่อ Good Shape Save Cost ก็เลยเกิดแรงฮึดอยากลอง ตอนแรกคิดว่าวิธีค่อนข้างวิธีมันโหดมาก คือกำหนดเลยว่า แต่ละวันนึงห้ามกินเกินกี่แคลเลอรี่ ซึ่งพี่ใช้วิธีนั้นอยู่ประมาณ 6 เดือนก็ลงมาเยอะ จาก 69 กก. เหลือ 60 กก. ตอนแรกตั้งเป้าว่าเอาแค่ 60 กก. แต่พอถึง 60 ปุ๊บ ด้วยความที่เป็นคนชอบกิน วันเสาร์อาทิตย์เวลาอยู่กับพ่อแม่ พอเราไม่ค่อยกิน พ่อแม่ก็จะบ่น พอเสาร์อาทิตย์เรากินแล้วกลับมาชั่งน้ำหนัก น้ำหนักขึ้นเป็น 61-62 กก. เราก็เลยรู้สึกว่ามันต้องลดอีกเพื่อให้น้ำหนักมันคงที่อยู่ที่ 60 กก. พอเราใช้วิธีเดิมน้ำหนักมันไม่ลงแล้ว ร่างกายเริ่มชินกับวิธีเดิม ก็เลยลองดูว่ามันมีวิธีอื่นมั้ย มีอยู่ช่วงหนึ่งในเว็บ Pantip มีการแชร์เรื่องอาหารคลีนกันเยอะ เราก็เข้าไปดูว่าอาหารคลีนมันเป็นยังไง
ตอนเริ่มกินอาหารคลีนแรก ๆ พี่นีดนับแคลอรี่ของอาหารรึป่าว ?
ไม่เชิงนับแคลอรี่ แต่จะมี application นับแคลอรี่อาหาร คือเราสามารถใส่ชื่ออาหารเข้าไปว่าวันนี้เรากินอะไรไปบ้าง app ก็จะคำนวณว่าสิ่งที่เรากินวันนี้มีโปรตีนกี่กรัม คาโบไฮเดรตกี่กรัม รวมทั้งหมดกี่แคลอรี่ ช่วงแรก ๆ ที่ลดน้ำหนักอยู่ก็จะนับแคลอรี่ประกอบกับออกกำลังกายด้วย
ออกกำลังกายประเภทไหนควบคู่ไปกับการกินคลีน ?
ออกกำลังกายแบบ T25 เพราะช่วงนั้น T25 กำลังมาแรง เลยเล่น T25 ควบคู่กับการกินคลีนในระยะแรก ทำให้น้ำหนักลงไปจนถึง 56 กก. พอพ่อแม่และญาติ ๆ ที่ไม่ได้เจอกันนานพอมาเห็นก็ทักว่า “ป่วยรึป่าว ?” เพราะร่างกายดูซูบมาก เราออกกำลังกายแบบ T25 นับแคลอรี่ในอาหารทุกวันมันทำให้ดูซูบผอมเกินไป เราก็เลยไม่กดดันตัวเองด้วยการกินขนมบ้างจากที่ไม่กินเลย
เมนูอาหารคลีนที่ชอบกินส่วนมากเป็นอะไร ?
ด้วยความที่เป็นคนไม่ชอบกินผัก สิ่งหลักที่จะกินบ่อย ๆ กินแทบทุกวันเลยก็คือ ข้าวโพด บางทีก็เอาข้าวโพดมาผสมกับโยเกิร์ต หรือนำมาใส่ในสลัด แต่สลัดจะเป็นสลัดผลไม้ใส่แอปเปิ้ล กล้วย บางทีก็จะมีใส่พวกกาโนล่า (คล้าย ๆ คอนเฟล็ก) เอามาผสมกันกับข้าวโพด กินสลับ ๆ กันไป บางทีก็จะมีขนมปังบ้าง จะไม่มีว่าชอบกินเมนูไหนที่สุด แต่จะเป็นวัตถุดิบพวกนี้มากกว่าที่นำมารวม ๆ กันแล้วกิน
คือเมื่อก่อนพี่นีดไม่ชอบกินผักเลยหรอ หรือว่าพอกินบ้างเป็นบางอย่าง ?
เป็นคนไม่ชอบกินผักเลย กินได้แค่ข้าวโพดอ่อนและเห็ด 2 อย่างเท่านั้น ผักใบเขียวยิ่งไม่กินเลยเพราะว่าเหม็นเขียว แต่พอเริ่มมากินคลีน ก็ค่อย ๆ กินผักได้ เมื่อก่อนเป็นคนเกลียดแครอทมาก เพราะตอนเด็กคุณพ่อเอามาให้กินแล้วรู้สึกเหม็นเขียว เลยไม่ชอบตั้งแต่นั้นมา แต่พอกินคลีนเราก็กินแครอทได้แล้ว พวกผักสลัดก็กินผักกาดแก้วได้ หรือก๋วยเตี๋ยวลุยสวนก็กินได้ แต่ยังกินได้ไม่ค่อยเยอะ
ตอนนี้มีธุรกิจอาหารคลีนบรรจุกล่องขายแบบ Delivery เคยลองซื้อมาทานมั้ย ?
ไม่เคย ... เพราะเรารู้สึกว่ามันแพง !! ถามว่ามันดีมั้ย มันดีมากนะ ช่วยสนับสนุนให้คนกินเพื่อสุขภาพ แต่ด้วยความที่เราทำเองได้ก็เลยไม่เคยซื้อ แล้วเราก็คิดว่ามันแพงไปหน่อย เราเตรียมอาหารกินเองจะถูกกว่า เพราะปกติจะเตรียมเองอยู่แล้ว ดูจากในเน็ตมีวิธีการทำเยอะ อาหารคลีนมันทำง่ายเพราะว่าเราแทบจะไม่ต้องปรุงอะไร อยู่ที่ว่าคนกินจะรับได้กับแบบนั้นมั้ย เพราะว่าปรุงน้อย กระบวนการทำก็ไม่ต้องผ่านอะไรมากมาย อย่างมากก็ต้ม ทอดก็อาจจะทอดในกระทะที่ไม่ต้องใส่น้ำมัน แล้วเรารู้สึกว่าที่เราทำเราสามารถกินได้ เลยไม่คิดจะสั่งกิน แต่ที่สั่งจะเป็น กาโนล่า เพราะตามซุปเปอร์มาร์เก็ตเขาจะขายถุงใหญ่ เรากลัวว่าถ้าซื้อถุงใหญ่มาแล้วรสชาติไม่ถูกปาก จะรู้สึกเสียดาย
กาโนล่า คืออะไรคะ ??
กาโนล่าคือธัญพืช รูปร่างคล้ายคอนเฟล็ก คอนเฟล็กจะเป็นแป้ง แต่กาโนล่าจะเป็นธัญพืชผสมงา ถั่ว หรือผลไม้แห้ง พวกสตรอเบอรี่ พวกเบอรี่ต่าง ๆ มีคนทำขายในเน็ตหลายรสชาติ ทำให้เราได้ลองได้กินอะไรที่แปลก ๆ
มีข้อห้ามของการกินคลีนมั้ย เช่น อย่าต้มนาน หรือนำอาหารชุบน้ำมัน ?
มันไม่เชิงเป็นข้อห้าม แต่ว่าถ้าคนกินคลีนส่วนใหญ่เขาจะเลือกใช้วัตถุดิบแบบพิถีพิถัน เช่นใช้น้ำมันมะกอก หรือน้ำมันที่มีไขมันดี ชีสก็กินได้นะ แต่จะมีชีสแบบไร้ไขมัน low fat ถึงแม้ว่าอาหารคลีนจะให้ปรุงน้อย ๆ แต่คนไทยก็ยังชอบปรุงอยู่ดี เดี๋ยวนี้เขาก็มีน้ำปลาที่เป็น low sodium ลดโซเดียมลง มีทั้งน้ำปลา ซีอิ๊ว น้ำมันหอย ให้เวลาเราปรุงเราจะได้ไม่รู้สึกผิดมาก แล้วก็ยังช่วยลดประมาณโซเดียมเพราะถ้าเรากินโซเดียมหรือกินเค็มมากจะทำให้ตัวบวมน้ำ
ถ้าจะให้พี่นีดเปรียบเทียบ อาหารคลีนกับอาหารมังสวิรัติ แตกต่างกันอย่างไร ?
ต่างค่ะ คือ อาหารมังสวิรัติจะไม่รับประทานเนื้อสัตว์แต่ยังใช้น้ำมันในการประกอบอาหารอยู่ คือใช้น้ำมันพอสมควรเลย แต่อาหารคลีนจะเลือกวัตถุดิบมาทำ เรากินเนื้อสัตว์ได้ กินหมูกินไก่ได้ปกติ แต่เราตัดส่วนที่มันออกไป ส่วนถ้าทอดก็จะเลือกน้ำมันที่มีไขมันดี ที่ไม่ใช่น้ำมันพืชหรือน้ำมันหมู ประกอบอาหารด้วยวิธีการต้มหรืออย่างอื่นที่ไม่เน้นน้ำมันมาก
“กินคลีนแล้วผอม” พี่นีดคิดว่าจริงมั้ย เพราะอะไร?
สำหรับนีดถ้ากินควบคู่กับการออกกำลังกายคิดว่าผอมแน่นอน แต่ถ้ากินคลีนอย่างเดียวแล้วไม่ออกกำลังกายก็แค่อยู่ตัวแต่ไม่อ้วนไปกว่านี้ แต่ถ้าเราออกกำลังกายร่างกายเราจะกระชับด้วยแล้วก็ผอมลงไวด้วย
ช่วงกินคลีนมีแอบกินขนมหวานหรือกินอาหารตามใจปากมั่งมั้ย ?
กินค่ะกิน ก็คือไม่อย่างเคร่งเครียดกับการกินมากจนเกินไป เพราะช่วงที่มีคนทักว่าซูบผอมไป ก็กินบ้าง ชอบเลยแหละ .. ถ้ากินคำเดียวก็พอได้ แต่ถ้าเราไม่ได้กินนาน ๆ แล้วมาได้กิน ก็จะกินไม่หยุด ตบะแตก แล้วเราก็จะรู้สึกผิดกลับไปออกกำลังกายใหม่ (หัวเราะ) เวลาเจอเพื่อนทักว่า “กินคลีนแล้วจะกินขนมหรอ” เราก็จะไม่ค่อยชอบนะ เพราะว่าเราไม่ได้จะกินทุกมื้อ มันก็ต้องมีให้รางวัลตัวเองบ้าง เคยมีอยู่ช่วงหนึ่งที่บังคับตัวเองว่าไม่ให้กินขนมหวานนานมาก แต่พอได้กลับมาลองกินขนมหวานก็กินไม่หยุดเลย แต่ก็ทำให้เรารู้สึกไม่ดี คือเราแน่นท้องกินเยอะมากเกินไป
ถ้าต้องออกไปรับประทานอาหารนอกบ้าน โดยไม่สามารถเตรียมอาหารคลีนไปกินได้ พี่นีดจะเลือกกินอาหารอย่างไร ?
ก็กินได้นะ กินปกติตามที่คนอื่น ๆ เค้าพาไปกิน แต่ว่าถ้าให้เลือกสั่งกินเองก็จะเลือกกินพวกปลาหรือกินของที่ไม่ได้ใช้น้ำมันทอด ยิ่งถ้าเป็นอาหารมื้อเย็นยิ่งจะไม่กินของทอดเลย เพราะว่าตัวเองมีปัญหาเรื่องกรดไหลย้อน สังเกตตัวเองว่าทุกครั้งที่มื้อเย็นกินอาหารที่เป็นของมันของทอด กลางคืนจะมีปัญหา จะนอนไม่ค่อยหลับ เพราะกรดจะตีกลับขึ้นมาที่คอ ก็เลยจะค่อนข้างเลือกกิน
อาหารคลีนต้องรสชาติจืดชืด จริงเสมอไปมั้ย หรือว่าก็ปรุงได้บ้าง ?
ปรุงได้นะ จริง ๆ แล้วนีดเข้าใจว่าอย่างนั้นนะ ว่าอาหารคลีนจะต้องจืด ไม่ปรุง แต่ที่จริงกลุ่มคนที่กินอาหารคลีนเขาก็ปรุงได้ ใส่นุ้นนี่ได้ ก็เลยดูว่าเขาใช้อะไรและไปซื้อมาใช้บ้าง เช่น ซีอิ๊ว น้ำปลาแบบ low sodium นำมาปรุงได้แต่ก็ต้องเลือกเครื่องปรุงด้วย ที่จริงแล้วเครื่องปรุงแบบปกติก็ปรุงได้ แต่ปรุงให้น้อยลง ก็เหมือนกับเราได้สุขภาพที่ดีขึ้นไปในตัว
แล้วพวกอาหารรสจัดใส่พริก พวกยำ หรือต้มยำ จัดว่าเป็นอาหารคลีนมั้ย ?
กินได้นะ แต่พวกต้มยำจะกินแบบต้มยำน้ำใส หรือถ้าเป็นน้ำข้นจะใส่เป็นกะทิเพื่อสุขภาพ ที่จริงเมนูอาหารก็คล้ายกับการกินแบบปกติ แต่จะเลือกวัตถุดิบที่ใช้เป็นแบบเพื่อสุขภาพ รสชาติอาหารก็ไม่ได้ต่างกันมากเท่าไหร่ แต่ว่าราคาอาจจะสูงกว่านิดหน่อย
ถ้ามีเด็กไม่ชอบกินผัก แต่พ่อแม่เขาอยากให้ลูกเขากินผัก พี่นีดจะแนะนำพ่อแม่ให้เค้าลองทำเมนูผักหรืออาหารคลีนให้เด็กกินได้ง่ายขึ้นยังไงบ้าง ?
เหมือนตัวนีดเอง นีดเป็นคนไม่กินผัก ถ้าให้เริ่ม นีดว่าควรเริ่มจากผักอะไรที่ไม่ค่อยมีกลิ่น เพราะว่าคนที่ไม่กินผักมันจะเริ่มจากกลิ่นที่เราไม่ชอบ เราอาจจะเลือกผักที่ไม่มีกลิ่นเช่น ข้าวโพด เห็ด หรือแครอทที่ต้มให้นิ่ม ๆ หน่อยจะได้กินได้ง่ายขึ้น หรือจะเลือกผักใบเขียวที่ไม่ค่อยมีกลิ่น เช่น ผักกาดแก้ว หรือยอดอ่อน ต้นอ่อนของผักยังไม่เขียวมาก หรือพวกมัน เผือก ฟักทอง เป็นอะไรที่ดีสำหรับคนเริ่มกินผัก กินคลีน มันช่วยให้เราอยู่ท้อง หรืออาจจะนำผักผสมเป็นไส้ของขนมปังก็ได้ หรือเริ่มกินน้ำผักผลไม้ก่อนก็ได้
ให้ชักชวนคนมากินอาหารคลีนกันหน่อย มันดียังไง ?
นีดว่าเรื่องแรกเลยคือเราได้สุขภาพที่ดี สำหรับนีดคือเรื่องขับถ่ายมันดีขึ้นมาก สองคือได้แนะนำให้คนที่เค้าเห็นความเปลี่ยนแปลงของเราได้ลองทำตามแล้วได้ผล มีอยู่ช่วงหนึ่งที่เพื่อนของนีดเค้าเห็นนีดผอมลงเลยถามว่าอกกำลังกายยังไง กินอาหารยังไง พอเราแนะนำว่าให้กินอาหารคลีนดู ออกกำลังกายควบคู่ไปด้วยเวลาจะกินขนมปังก็ให้เลือกเป็นขนมปังโฮลวีต หรืออยากจะกินสลัด น้ำสลัดควรจะเป็นแบบไขมันต่ำ หรือว่ามายองเนสไขมันต่ำดู ปรากฏว่าเพื่อนกินคลีนไปได้ 2 สัปดาห์ น้ำหนักลดลงไปกิโลกว่า เราก็รู้สึกดีที่สามารถแนะนำเพื่อนและบอกต่อให้เค้าสุขภาพดีไปด้วยกันได้
เห็นแล้วใช่มั้ยคะว่าการกินอาหารแบบคลีน ๆ ช่วยเรื่องสุขภาพและรูปร่างของเราได้มากโขทีเดียว แต่หากใครอยากลองทำบ้างแต่ไม่มีเวลาหรืออุปกรณ์ในการเตรียม ก็ค่อย ๆ ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกินไปทีละนิดจนติดเป็นนิสัย เชื่อแน่ค่ะว่าการดูแลตัวเองให้ได้สุขภาพที่ดีนั้นไม่ไกลเกินเอื้อมสำหรับทุกคนอย่างแน่นอน ว่าแล้วก็ลองไปตลาด เดินซื้อผักผลไม้มาลองกินกันดูสักมื้อ ก็น่าจะเป็นการเริ่มต้นที่ดีใช่มั้ยหละคะ (^__^)
เวลาที่เลือกใช้ของผู้ชายชื่อปิง
หนุ่มร่างสูงโปร่งในชุดวิ่งทะมัดทะแมงเดินเข้าออกออฟฟิศเป็นภาพแปลกตาสำหรับผู้ที่ได้พบเห็น หากย้อนไปสักปีก่อน กิจกรรมหลังเลิกงานตอนเย็นของเขาจะเป็นการพาร่างขนาด 108 กก.ในชุดพนักงานบริษัทออกไปทานอาหารเย็นและสังสรรค์ตามประสา ทว่าวันนี้ ทั้งกิจกรรม ความคิด และรูปร่างของเขาได้เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง มาทำความรู้จักกับ
ปิง ณัฐวุฒิ สาระทัศนานันท์ ชายผู้ใช้เวลาไปกับการเปลี่ยนแปลงตัวเองได้อย่างน่าทึ่งคนนี้กันเลยดีกว่า
แนะนำตัวเองหน่อยค่ะ
ปิงเป็นคนจ.เลยครับ จบวิศวะคอมพิวเตอร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ปัจจุบันอายุ 25 ปี เป็น GIS Software Engineer บริษัท ทิงค์เน็ต จำกัด ครับ ทำงานมาได้ 2 ปีแล้ว
แล้วจะทำไปอีกนานมั้ยคะ (บก.เอาถาดตีหัว "อย่านอกเรื่อง")
ผมสูง 183 ซม. เคยหนักที่สุด 125 กก. รอบเอว 44 นิ้ว อ้วนเพราะกินอย่างเดียวเลย กินทุกอย่างโดยเฉพาะของทอดนี่ชอบมาก กินดึกตีสองตีสาม นอนก็ดึกครับ ส่วนเรื่องดื่มก็มีพอสมควรตามสไตล์เด็กวิศวะเพื่อนชวนเที่ยวบ่อย เมื่อก่อนเลิกงานแล้วไปหาเพื่อนแทบทุกวันครับ
อะไรเป็นจุดหักเหที่ทำให้เริ่มเปลี่ยนแปลงตัวเองคะ
รู้สึกอยู่แล้วว่าพฤติกรรมเดิมไม่ค่อยดี ถึงช่วงที่ผ่านมาจะไม่ค่อยเที่ยวเยอะเท่าไหร่เพราะให้เวลากับคนคนหนึ่งมาก แต่พอไม่ต้องใช้เวลากับเขาแล้วก็กลับไปทำตัวเถลไถลเหมือนเดิม ดื่มทุกวันอยู่ 2 เดือนก็เริ่มรู้สึกว่าไม่ใช่ละ ทำยังไงดี พี่กานต์กับพี่ยอดที่เป็นพี่ที่ทำงานเขาวิ่งอยู่ก่อนแล้ว เขาก็ชวนปิงไปวิ่งด้วย คือปกติปิงเป็นคนออกกำลังกายแต่ไม่ได้จริงจังมาก บางทีก็วิ่ง 5 กม.บ้าง ก็เลยไปครับ
ฮ้า 5 กม.ไม่จริงจัง?
หรืออย่างสวนลุมก็วิ่งแค่รอบเดียว 2.5 กม. (อืม จ้ะ ไม่จริงจัง) ทำได้หมดครับ เตะบอล ว่ายน้ำ ฟิตเนส แต่ไม่บ่อย คือเราเคยวิ่งได้ไกลสุด 5 กม. พอเค้าให้ลง 10 กม. ก็ลองไปวัดกันดูเลยละกัน มันน่าจะถึงแหละมั้ง
หืม ครั้งแรกลง 10 กม. เลยหรอคะ ต้องเทรนต้องซ้อมยังไงบ้าง
ก็ซ้อมแค่วิ่ง 5 กม.แหละครับ รู้สึกว่าถ้าวิ่ง 5 กม.ได้มันก็อีก 5 กม.เอง ไม่ไหวก็เดินไปละกัน เราเลยลองดู งานยูนิครันนิ่ง เขาใหญ่ ฮาล์ฟมาราธอน เมื่อ 2 มี.ค. 57 แต่ผมลงเป็นมินิมาราธอนครับ
เห็นคนอื่นเขามีโปรแกรมฝึกชัดเจน
ผมแล้วแต่ครับ คือ เอาตามที่เราคิดว่าเราไหว อย่าง 10 กม.นี่ปิงคิดว่าปิงไหวแน่ ที่เกินจาก 5 กม.มาก็ค่อย ๆ นับไปทีละกม. ในการวิ่ง 10 กม.ครั้งแรกก็เป็นอะไรที่ตื่นเต้นพอสมควร พอกม.6 เฮ้ยเราทำได้มากกว่าที่เราเคยทำได้แล้วนะ กม.7 เฮ้ยมันก็ไม่ยากนี่หว่า มีแรงเหลือก็วิ่งต่อไปอีกดิ สุดท้ายเข้าเส้นชัยที่ 10 กม. เป็นอะไรที่ภูมิใจมาก ๆ ครับ
มีเวลาเตรียมตัวนานมั้ยเนี่ย
ผมไปแจมสังสรรค์กับพี่ ๆ ที่เขาวิ่งอยู่แล้วช่วงปีใหม่ครับ ช่วงนั้นผมมีอะไรก็ไปอยู่กับพี่ยอดตลอด พี่เขาก็จะเล่าให้ฟังเรื่องไปวิ่งที่นู่นที่นี่มา แรก ๆ ก็ไม่อินหรอกครับ จะวิ่งอะไรกันเยอะแยะแค่ออกกำลังกาย แล้วพอพูดมาเยอะ ๆ ก็เริ่มซึม ลองดูก็ได้ไม่มีอะไรทำ เตรียมตัวสองอาทิตย์ก็ลงวิ่งรายการแรกเลย จากนั้นมาพี่เขาก็ฟีดข่าววิ่งตลอด งานที่สองไทยคม มินิมาราธอน 23 มี.ค. 57 เป็นรายการ 10 กม.เหมือนกัน อยู่ในกรุงเทพฯ ด้วยไม่ต้องเสียตังเยอะ วิ่งข้ามสะพานพระราม 8 เองเลยลงสมัครอีก ลองทำสถิติให้ดีขึ้น ซ้อมให้มากขึ้น คือพอได้ลองวิ่งแล้วเนี่ยรู้เลยว่าเป็นกีฬาที่ทำให้น้ำหนักลดได้เร็ว เห็นผลได้ชัดมากในเวลาไม่นาน เอ๊ะกางเกงเริ่มหลวม น้ำหนักเริ่มลง ปิงจะชอบชั่งน้ำหนักก่อนกับหลังแข่ง มันลดหายไปเป็นกก.เลยนะ จริง ๆ มันคือเหงื่อคือน้ำนั่นแหละ แต่พอได้เห็นว่าน้ำหนักมันหายไปทันทีเลยติดใจ
แล้วเรื่องรางวัล
ปิงไม่ได้มุ่งรางวัลครับ เน้นแข่งกับตัวเองมากกว่าเช่นวิ่งให้เร็วขึ้น หรือบางทีก็วิ่งไปสนุก ๆ ได้มุมมองที่แตกต่างไปจากเวลาขับรถ ค่อย ๆ ไปทีละก้าว เออสะพานนี้มันก็ใหญ่นะ หรือตรงนี้มีวิวแบบนี้ด้วย
เท่าที่วิ่งงานมานี่เกิน 10 ครั้งแล้ว เรียกว่าเสพติดเลยมั้ย หรือเรามันส์กับมันเป็นชีวิตเราไปแล้ว
จะเรียกว่าเสพติดเลยก็ได้นะครับ การวิ่งมันทำให้ติด ทุกครั้งที่วิ่งร่างกายจะแข็งแรงขึ้น อย่างตอนเปลี่ยนระยะ 10 เป็น 21 กม. ฮาล์ฟมาราธอนครั้งแรกปิงเจ็บเลย ปวดไปทั้งตัว แต่พอวิ่งอีกครั้งมันก็ไม่เจ็บเท่าเดิม ร่างกายมันดีขึ้น พอวิ่งอีกครั้ง โอเคละเข้าที่
จากครั้งแรกที่แค่ลอง จนถึงตอนนี้เป้าหมายในการวิ่งเป็นอย่างไรบ้างคะ
ปิงแค่อยากจะไปสนุกกับงานวิ่งต่าง ๆ ครับ สังคมนักวิ่งที่พบเจอมาเป็นสังคมที่ดี พูดคุยกันง่าย เราจะรู้จักคนและมีสังคมกว้างขึ้นเรื่อย ๆ คำว่าสนุกของปิงมีหลายอย่าง จะวิ่งให้สนุกได้ต้องซ้อมให้ถึง อย่างงานล่าสุด ซูเปอร์ฮาล์ฟมาราธอน 32 กม.ที่เขาชะโงก ปิงซ้อมไปไม่ถึงทำให้ท้อแท้มาก นี่เรามาทำอะไรอยู่ตรงนี้ เดินไปก็เซ็งตัวเอง มาเจ็บแล้ววิ่งไม่ออกเลยต้องเดิน 10 กม.สุดท้าย งานนี้มีทางขึ้นเขาไปตลอด 5 กม. ผมก็กดดันตัวเองเยอะไปหน่อยว่าอยากทำเวลาให้ได้ภายใน 4 ชม. จะได้ข้ามขั้นไปมาราธอนได้ ผลคือไม่สนุกเลยครับ ผมต้องถามป้าที่ให้น้ำว่าเมื่อไหร่ทางจะลง ป้าบอกพ้นโค้งนี้ก็ลงแล้ว ผมก็บอก ครับ ถ้าอีกไกลผมจะขึ้นรถแล้วนะครับ ยอม DNF (Did Not Finish = แข่งขันไม่จบ) คนอื่น ๆ ช่วยให้กำลังใจทั้งนั้นบอกว่าสู้ ๆ ก็รู้สึกดีกับคนอื่น แต่รู้สึกแย่กับตัวเองที่เราเตรียมตัวมาไม่พร้อม พักผ่อนไม่เพียงพอ วิ่งเร็วเกินไปไม่รักษาระดับในการวิ่ง เป้าหมายตอนนี้จึงอยากไปสนุกกับทุกงานวิ่งครับ พยายามซ้อมให้พร้อม
การเดิน 10 กม.สุดท้ายนั้นสอนอะไรเราบ้าง
การเตรียมตัวสำคัญมากครับ ที่ผ่านมาผมไปกับรุ่นพี่ เขาจองที่พัก คอยดูแลเรื่องเวลากินนอน คือมีการวางแผนที่ดี แต่งานนี้เพื่อนชวนไปฉุกละหุก มันไม่ได้อยู่ในแผนเราเลย ไปรถฟรี ที่นอนก็ไม่มีไปหาเอาดาบหน้า นอนไม่หลับด้วย ทำให้เช้าวันวิ่งแย่เลย ถ้าย้อนกลับไปได้ต้องเตรียมตัวให้ดีกว่านี้ครับ
แต่ทุกวันนี้ก็ไม่ได้มีกำหนดซ้อมแน่นอน ยังตามฟีลอยู่หรอ
(ยิ้ม) จะว่าอย่างนั้นก็ได้ครับ มันเป็นเป้าหมายรายเดือนมากกว่า อยากวิ่งให้ได้สักเดือนละ 150-200 กม. เลยวิ่งอาทิตย์ละ 2-3 ครั้ง ข้อเสียของการวิ่งคือเราจะหยุดวิ่งได้ไม่นาน ถ้าเราไม่วิ่งสัก 2 วัน วันที่ 3 เราจะอยากวิ่งแล้ว ถ้าวันที่ 3 ไม่ได้ไปอีก เราจะเริ่มเครียดอึดอัดเหมือนน้ำหนักจะขึ้นมาอีกนิด ๆ แล้วนะ
น้ำหนักที่ลดนี่เหมือนเป็นผลพลอยได้?
จริง ๆ ก็เป็นเป้าหมายเหมือนกันแหละครับ ปิงอ้วนมาตลอดชีวิต รู้สึกว่าชีวิตวัยรุ่นหายไปนานมาก พอได้วิ่ง น้ำหนักลดก็มาคิดว่าเราน่าจะเริ่มวิ่งซะตั้งนานแล้ว ปัจจุบันหนัก 88 กก. เอว 36 นิ้วแบบหลวม ๆ ครับ ต้องซื้อเสื้อผ้าใหม่หมดเลย อยากให้ได้สัก 80 กก. แต่ถ้าหนัก 85 แล้วรูปร่างมันโอเคก็พอแล้ว
อย่างนี้ไปเปลี่ยนที่เรื่องกินด้วยไหม
ปิงเป็นคนชอบกินครับ (ยิ้ม) แต่เรื่องกินจุบจิบน้อยลงมาก ส่วนกินดึกหลัง 3 ทุ่มไม่ทำแล้ว เปลี่ยนมากินมื้อเช้าเยอะ ๆ แทน กินตามที่อยากเมื่อคืนนึกอะไรไว้ก็มาจัดเต็มตอนเช้า ส่วนมื้อเย็นลดจาก 2 จานเหลือจานเดียวก็พอ งดของมันของทอดลงเยอะ แต่ประเภทอื่น ๆ ก็ยังกินตามปกติ มีว่าถ้ากินเยอะจะรู้สึกว่าอยากเบิร์นออกก็ต้องไปวิ่ง แล้วที่สำคัญต้องกินผักทุกวัน ถ้าไม่กินจะรู้สึกผิด ถ้าเป็นสมัยก่อนนะกินแหลกไม่คิดอะไรเลย
แล้วเรื่องนอน
การที่มาวิ่งเนี่ยทำให้คิดกับตัวเองว่าเราควรพักผ่อนให้เต็มที่ นอนให้ได้อย่างน้อย 6 ชม.ทุกวัน เลยเป็นนิสัยไปเลยว่าเดี๋ยวนี้นอนไม่เกิน 5 ทุ่ม จะได้ตื่นมาซ้อมตอนเช้า ปิงชอบซ้อมตอนเช้ามากกว่าเพราะตอนเย็นมันเหนื่อยแล้วจะเปลี่ยนใจง่ายกว่าตอนเช้า ถ้าเราตื่นมาทำอะไรตอนเช้าบ่อย ๆ มันจะกลายเป็นกิจวัตร เดี๋ยวนี้ปิงตื่นเช้าทุกวัน ทีนึ้ความยากของการซ้อมจะอยู่ที่ว่าเราตื่นขึ้นมาแล้วจะลุกไปได้หรือเปล่า
สมมติจิดใต้สำนึกของปิงชื่อปิงปิง ปิงคุยกับปิงปิงยังไงคะ
บางทีตื่นขึ้นมาแล้ว
(ทำเสียงออดอ้อนใส่ตัวเอง)
‘เหนื่อยมากเลยเมื่อวานทำงานหนักปวดหัว ไม่ไหว จะไปดีมั้ยว้า ฝนจะตกรึเปล่าก็ไม่รู้ ออกไปดูถนนอากาศก็ไม่ค่อยดี’
มันก็จะมีอีกฝ่ายนึงที่เถียงว่า
(ทำเสียงคนดี)
‘เฮ้ยนี่ไม่ได้ซ้อมตั้งนานแล้ว ถ้าไม่ซ้อมวันนี้แล้วจะไปซ้อมวันไหน พรุ่งนี้หรอ พรุ่งนี้ก็มีประชุมตอนบ่ายถ้าซ้อมเช้ามันจะง่วงหรือเปล่า’
เถียงกับตัวเองไปเรื่อย ๆ ครับ ก็มีบางครั้งนอนต่อ แต่ส่วนใหญ่พอเริ่มชินแล้วมันก็จะง่ายขึ้น วันไหนที่มาวิ่งเช้าก็จะมาทำงานได้เร็วกว่าตอนที่ตื่นอยู่บ้านแล้วโอ้เอ้อีกครับ
ศัตรูตัวหนึ่งของนักวิ่งคือตะคริว ปิงเจอมันบ่อยไหม
ปกติไม่เป็นครับ มาเป็นตอนเขาชะโงกนั่นล่ะ ผมเคยอ่านมานะว่าตะคริวมันหายเองได้ไม่ต้องไปยืดช่วย ถ้าเรารอได้แป๊บนึงมันจะหายไปเอง
แล้วเรารอมั้ย
ไม่
อ้าว
ปิงก็ยืด 555 ส่วนใหญ่ก็จะไม่ค่อยทนหรอกครับ ตะคริวเกิดจากร่างกายไม่พร้อม ซ้อมไม่ถึง พักผ่อนน้อย ตลอดจนการขาดเกลือแร่ ปิงเห็นนักวิ่งบ่นกันเยอะเลยกินเกลือแร่กันไว้ก่อน จะพกกล้วยตากไปกินระหว่างวิ่งด้วย
กล้วยตากมันอุดมไปด้วยอะไรคะ
ไม่รู้เหมือนกัน
อ้าว แล้วทำไมมันถึงช่วย คือนี่คิดเองหรอ
(หัวเราะ) คือคิดไปเอง อ่านมาบ้างด้วยครับ เหมือนเป็นการเติมสารอาหารให้ร่างกาย
จริง ๆ คือจะเป็นอะไรก็ได้ที่ให้พลังงานใช่ไหมคะ ไม่ใช่ว่าสารในกล้วยจะมีอะไรเป็นพิเศษ
ครับ 555 กล้วยมันก็มีคาร์โบไอเดรต ที่ต้องเป็นกล้วยตากเพราะพกสะดวก
ถ้าเป็นฝรั่งเขาจะกินกล้วยหอม ช็อคโกแล็ต
อย่างนักวิ่งโปร ๆ ก็จะกินเจลให้พลังงาน ซองละ 100 แคลแต่มันแพง 70 บาท อืม กล้วยตากนี่ซองไม่ถึง 10 บาท
แคลทะลุร้อยเลย
สบายครับ
เป็นตะคริวแล้วร้องไหมคะ
เงียบครับ วิ่งคนเดียวไม่รู้จะไปร้องกับใคร
แล้วทำไมถึงใส่ชุดประดาน้ำไปวิ่งล่ะคะ
ชุดประดาน้ำ !?! (หัวเราะ) อุปกรณ์มันช่วยได้ครับ กางเกงคอมเพรสชั่นมีน้ำหนักเบา ระบายเหงื่อทำให้รู้สึกสบาย ลดการแกว่งของกล้ามเนื้อก็ลดการเจ็บ ไม่ให้กล้ามเนื้อขามันแกว่งมาก
แล้วอย่างนี้ต้องใส่กระจับไหมคะ
ไม่ครับ (ยิ้ม) จริง ๆ บางคนเขาไม่ใส่กางเกงในด้วยนะแต่ปิงใส่
อย่างนี้แกดเจ็ทเกี่ยวกับการวิ่งต้องเยอะแน่เลย
เยอะครับ ล่าสุดที่ได้มานี่เป็นไฟ เขาเรียกว่า Safety Light
ไฟติดตัวเองอะนะ เอา CD ได้มั้ยอะ
ไม่ใช่ช้างครับ คือผมชอบวิ่งไปตามเมืองอย่างที่เขาเรียกว่า City Run มันไม่เบื่อดี
คือวิ่งตามถนนหนทาง
(คิดตาม) เรียกว่าตามฟุตบาทละกันครับ ไม่ค่อยลงไปวิ่งบนถนน ไฟนี้มันก็จะทำให้คนเขาเห็นเรา แล้วก็มีแว่นครับ ใส่ตอนปั่นจักรยานได้ด้วย
ตอนนี้ปั่นจักรยานด้วยหรอคะ
หลังจากวิ่งเราจะมีเป้าหมายใหม่ไปเรื่อย ๆ ตอนนี้จะไปมาราธอนครับ สมัครไปแล้ว จบมาราธอนคิดว่าจะไปไตรกีฬา
เฮ้ยยยยย แล้วทุกวันนี้ว่ายน้ำหรือยังคะ
ก็ว่ายอยู่ครับ พอผ่าน cut off เหมือนกัน มันจะมีเวลาจำกัดถ้าคุณว่ายไม่ทันเขาก็จะตักออก
ไม่ใช่ปลาสวายนะคะตักกันง่าย ๆ
ครับ ก็จะไปวิ่งไปปั่นจักรยานต่อก็ทำไป แต่ถือว่าออกจากการแข่งขันแล้ว
แล้วอย่างตอนวิ่งไปตามถนนเห็นหมูปิ้ง ไก่ปิ้ง
อ๋อ หวั่นไหวทุกครั้ง (หัวเราะ) หอมมมม เดี๋ยววิ่งเสร็จนะจะกินแหลก การวิ่งมันทำให้ปิงสบายใจตรงที่ว่ามันทำให้กินได้เยอะอย่างที่ใจต้องการ มีอยู่วันนึงวิ่งได้ 32 กม. เบิร์นไป 2-3,000 กิโลแคลเลอรี่ แล้วเรากินเพิ่มทดแทนตรงนั้นได้โดยที่น้ำหนักไม่ขึ้น สบายใจมาก
การวิ่งนี่เปลี่ยนทั้งร่างกายจิตใจเลยนะคะ แล้วเรื่องสาว ๆ ล่ะ ตอนนี้มองใครอยู่หรือเปล่าคะ (บก.เอาถาดตีหัว "ประเด็น ๆ") อิอิ หมายถึง... วิธีที่เรามองโลกนี่เปลี่ยนไปไหมคะ
จริง ๆ ก็เปลี่ยนนะครับ การวิ่งมันทำให้เราอยู่กับตัวเอง คุยกับตัวเอง สู้กับด้านมืดของตัวเองเถียงกันตลอดเวลา ในชีวิตธรรมดาก็เหมือนกันครับ อย่างเช่นเห็นเพื่อนไปเที่ยวกันเราก็อยากไปแต่พรุ่งนี้ต้องซ้อม ต้องบอกตัวเองว่าเดือนนี้ก็เที่ยวบ่อยแล้วจะไปอีกหรอ ถ้าเป็นแต่ก่อนจะแพ้ทุกครั้ง เงินเก็บก็ไม่มี แต่เดี๋ยวนี้การวิ่งมันสอนเราว่าเราควรเลือกสิ่งที่ดีกับตัวเรา ถึงมันจะไม่สนุกแต่ถ้าเราเลือกสิ่งที่มันเป็นผลดีกับอนาคตมันก็น่าจะดีกว่า
ได้อะไรจากการวิ่งบ้าง
เวลารู้จักคนมากขึ้นก็เปิดรับเอานิสัยที่ดีของคนอื่นมาด้วย และหลังจากวิ่งร่างกายก็พัฒนาขึ้น จากแต่ก่อนที่เป็นคนเรื่อยเปื่อย การวิ่งทำให้คิดได้ว่าเวลาในแต่ละวันที่ผ่านไป เราเป็นคนเลือกเองว่าเราจะทำอะไร ควรจะพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้นหรือว่าจะอยู่เฉย ๆ ปล่อยให้เวลาผ่านไป สิ่งที่เลือกไม่ได้นั้นคือเวลา ถ้ามันผ่านไปแล้วก็ผ่านไปเลยย้อนไม่ได้
อุ๊ยหล่อเลย
จำเขามา (หัวเราะ) เอ๊ะใครพูดไว้ อ๋อ บรูซ ลี เฮ้ยมันใช่นะที่ว่าเราเลือกได้ อย่างวิ่งแค่ 10 กม. ความคิดเราก็เปลี่ยนไปเป็นอีกคนนึงแล้ว ในเมื่อเรื่องนี้เราทำได้ เป้าหมายที่ไกลกว่านี้เราก็น่าจะทำได้ คิดอย่างนี้เราก็จะพัฒนาตัวเองไปเรื่อย ๆ ตอนนี้ภูมิใจกับตัวเองพอสมควรที่ได้ทำในสิ่งที่ไม่คิดว่าจะทำได้ ถามว่าเซอร์ไพรส์กับตัวเองมั้ยก็ไม่เชิงซะทีเดียว ทุกอย่างมันขึ้นกับตัวเองทั้งนั้น ถ้าซ้อมมันก็ทำได้ อยู่เฉย ๆ คงทำไม่ได้ ...เออแต่ก็ไม่แน่เหมือนกันนะพี่ยอดแกไม่ค่อยซ้อมยังวิ่งได้เลย เขาเป็นคนใจถึงด้วย
อยากให้ปิงช่วยให้กำลังใจคนที่ยังไม่เริ่ม หรือคนที่กำลังพยายามอยู่หน่อยค่ะ
วิ่งเป็นกีฬาที่เรียบง่ายนะครับ แค่มีรองเท้าแล้วใส่ชุดวิ่งก็ออกไปวิ่งได้เลย ถ้าใครที่ไม่เคยวิ่งอยากเปลี่ยนแปลงตัวเองก็ขอให้ลองวิ่งดู มันทำได้คนเดียวไม่ต้องรอเพื่อน แล้วบอกเลยว่าวิ่งที่ไหนก็ได้ครับเพราะปิงวิ่งมาหมดแล้ว (ยิ้ม) เริ่มเลยครับแล้วจะพบอะไรที่น่าสนใจมากขึ้นอีกเยอะเลย
เนรมิตหุ่นฟิตเปรี๊ยะด้วย T25
กระแส T25 ฟีเวอร์กำลังโด่งดังในหมู่คนรักสุขภาพ ดารา และคนมีชื่อเสียง เพราะด้วยผลลัพธ์อันน่าทึ่งของคนที่ได้ลองเล่นแล้วออกมาโชว์รูปร่างงาม ๆ กันอย่างต่อเนื่อง ยิ่งทำให้คนที่สนใจอยากออกกำลังกายเริ่มคิดจะลองเล่น T25 กันขึ้นมาบ้าง ... วันนี้เรามาสัมภาษณ์
พี่เอส อภิญญา ประทีปแก้ว พนักงานออฟฟิศผู้รักสุขภาพ เธอจะมาบอกเล่าประสบการณ์เกี่ยวกับการออกกำลังกายแบบ T25 ให้ได้รู้กัน ถ้าอยากหุ่นเซี๊ยะฟิตเปรี๊ยะก็ลองตามไปเล่น T25 กับเธอกันเลย !!!
ช่วงนี้เค้าฮิตเต้น T25 กัน พี่เอสช่วยอธิบายหน่อยว่ามันคืออะไร ? แล้วศึกษาเองจากสื่อ Social หรือมีคนชวนให้ลองเล่น ?
เห็นในสื่อเค้าพูดถึงกัน เราก็ศึกษาหาข้อมูลว่าเต้นแล้วมันดีขนาดนั้นเลยหรอ ? ทำไมทุกคนถึงรู้จัก พี่เอสรู้จัก T25 มาจากสื่อ Social และศึกษานำมาเล่นเอง โดยมีน้องอ้อ ซึ่งเป็นน้องในแผนกชวนกันเล่น พี่รู้สึกว่าการหาเพื่อนมาเต้นด้วยทำให้เรามีกำลังใจมากกว่าเต้นอยู่คนเดียวเพราะมันจะท้อเอาง่าย ๆ ที่จริงพี่วิ่งมาก่อน วิ่งมาปีกว่าน้ำหนักก็ไม่ลดก็เลยลองเปลี่ยนดู คือตอนแรกพี่จะวิ่งเพื่อเบิร์นก่อน พอวิ่งเสร็จก็จะมาเต้น T25 การเต้น T25 คือการเต้นต่อเนื่องในเวลา 25 นาที โดยไม่หยุดพัก เค้าจะแบ่งเป็น 3 เฟส ก็คือ อัลฟ่า (Alpha) เบต้า (Beta) และแกมม่า (Gamma) แต่ละเฟสจะเน้นการออกกำลังแต่ละส่วนของร่างกายแตกต่างกันไป ตอนนี้พี่เอสเล่น 2 เฟสคืออัลฟ่าและเบต้า เน้นสร้างความแข็งแรงของร่างกายและช่วงท้องกลางลำตัว
เห็นพี่เอสบอกว่าก่อนจะมาเล่น T25 เคยไปวิ่งมาก่อน วิ่งแบบไหน แถวไหน ?
วิ่งทั้งแบบออกกำลังกายและลงแข่งขันค่ะ มินิมาราธอน แล้วขยับไปเป็นฮาฟมาราธอน มินิมาราธอนคือระยะวิ่ง 10.5 กม. ส่วนฮาฟมาราธอนก็คือ 21 กม. ชอบไปวิ่งกับเพื่อน ๆ พี่กานต์ พี่ยอด และหลายคนที่มีความชอบเหมือน ๆ กันก็ชวนกันไปวิ่งตามสนามต่าง ๆ ชอบธรรมชาติ เช่นวิ่งแถวกาญจนบุรี เขาใหญ่ แล้วก็มีเรื่องประทับใจคือการวิ่งครั้งแรก ประทับใจไม่เคยลืมคือครั้งแรก รายการแข่งแรกของชีวิตไปวิ่งที่ลาวกับเพื่อน ลงรายการมินิมาราธอน 10.5 กม.วิ่งตอนเช้า ๆ อากาศดีไม่ค่อยมีเหงื่อ ทำเวลาไป 1 ชม. 6 นาที ตอนเข้าเส้นชัยเขาก็จับตัวไว้แล้วคล้องเชือกแล้วบอกว่า “เธอได้ที่ 4” คือถ้าติด 1 ใน 5 เราจะได้ถ้วย "ครั้งแรก … ครั้งแรกของการวิ่งเราได้ถ้วย" (พูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นตาเป็นประกาย ^,^) มันเป็นความรู้สึกที่ประทับใจมาก เพราะเราก็ไม่ได้หวังอยู่แล้ว แค่ถึงเส้นชัยก็บุญแล้ว เพราะเป็นการวิ่งที่ยาวที่สุด และตอนซ้อมก็ไม่เคยวิ่งได้ถึง 10 กม.เลย แต่เป็นความคึกคะนองของตัวเอง ก็เลยมาวิ่งต่อแถวสวนลุมพินีบ้าง มีเวลาก็ไปลงรายการบ้างวันเสาร์อาทิตย์ เพราะส่วนมากรายการแข่งจะวิ่งตอนเช้าวันอาทิตย์ ซึ่งตอนนี้ค่อนข้างจะฮิตมีรายการวิ่งมากมายทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด
แล้วพี่เอสเต้น T25 มานานรึยังคะ ?
ประมาณ 5 - 6 เดือน ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 57 มันมีแบบฟอร์ม มีคาเลนด้า (ปฏิทิน) ของการเต้นแต่ละเฟส เรียกว่าอัลฟ่า (Alpha) เค้าจะมี 5 อาทิตย์ แต่ละเฟสจะมีช่วงเวลาของมันไม่เหมือนกัน ในแต่ละเฟสก็จะมีสลับกันไปสลับกันมาในแต่ละอาทิตย์ มีให้เบิร์นและเน้นส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย ตั้งแต่ช่วงล่าง ช่วงกลางลำตัว ซึ่งแต่ละเฟสเค้าก็มีแนะนำไว้ให้อยู่แล้ว โดยปรับพื้นฐานก่อนในช่วงเฟสแรก เฟสที่สองก็เริ่มเน้นช่วงล่างให้แข็งแกร่ง พอเฟสที่สามก็จะหนักมากขึ้น เน้นลำตัว เน้นความแข็งแรงของแต่ละส่วนของร่างกาย
ถ้าเราเล่น T25 ไปเรื่อย ๆ แล้วเราหยุดพักเป็นอาทิตย์ เราขี้เกียจ แล้วเรากลับมาเล่นใหม่เนี่ย มันจะมีผลอะไรมั้ย ?
จริง ๆ ถ้าอยากให้ได้ผล การออกกำลังกายทุกอย่างแหละ คือต้องมีวินัย ถ้าเรามีวินัยกับตนเองทั้งการออกกำลังกาย ทั้งการทานอาหาร เราจะรู้สึกได้ว่ามันเห็นผล ตอนพี่เอสเต้นช่วงแรกก็พยายามมีวินัย พยายาม.. (หัวเราะ) เพราะรู้สึกว่ามันเป็นของใหม่ ก็เลยสนุกและพยายามมีวินัย พี่เอสรู้สึกว่าขากระชับก่อน คนอื่นอาจไม่เห็น แต่เรารู้สึกได้ เพราะกางเกงยีนส์บางตัวที่เราใส่ไม่ได้แล้ว เฮ้ย !! เรากลับไปใส่ได้ แต่เราจะไม่ค่อยดูเรื่องน้ำหนักเท่าไหร่ เน้นสัดส่วนไปก่อน ถ้าสัดส่วนกระชับ มันจะกลายจากไขมันไปเป็นกล้ามเนื้อ น้ำหนักของกล้ามเนื้อมันจะมากกว่าไขมัน น้ำหนักอาจจะลดลงไม่เยอะแต่รูปร่างเราจะเปลี่ยน
พี่เอสคิดว่าการเต้นแอโรบิกกับการเต้น T25 มันเหมือนหรือต่างกันอย่างไร ?
ในความคิดของพี่เท่าที่เต้น T25 มา ในหลาย ๆ ท่าที่ชอห์นเค้าแนะนำ เรารู้สึกได้ถึงแรงที่กล้ามเนื้อมันบีบ มันต่างกับการเต้นแอโรบิกพอสมควรเลย คือมันจะรู้สึกตึงตามกล้ามเนื้อส่วนต่าง ๆ ได้ออกกำลังกายกล้ามเนื้อมากกว่าแอโรบิก เช่นบางท่าชอห์นเค้าก็จะบอกให้เกร็งตรงนี้ไหน คุณต้องเกร็งให้ถูกที่ เราก็จะรู้สึกว่า อ๋อ !! ถ้าเราเกร็งตรงไหน ส่วนนั้นก็จะกระชับขึ้น เขาจะแนะนำเป็นจุด ๆ ว่าเกร็งตรงไหน หายใจยังไง แล้วเขาก็จะบอกให้เราฮึดอยู่ตลอดเวลา (ยิ้ม) คุณทำได้ ! เธอทำได้ ! ชอห์นเค้าจะให้กำลังใจเราตลอดทั้งเทป คนอะไรเต้นไปด้วย พูดไปด้วยไม่เหนื่อย หน้าตาร่าเริงสดใสมาก แล้วก็จะมีคนเต้นข้างหลังเค้า น่ารักทั้งผู้หญิงผู้ชายและหุ่นดี เราจะรู้สึกว่ามันเป็นเหมือนแรงบันดาลใจอยากทำให้ได้เหมือนเค้า แล้วมีอยู่คนนึง 1 ใน 4 จะเต้นท่าที่ง่ายกว่า คือให้สำหรับมือใหม่เต้นตาม ส่วนที่เหลือเค้าจะฟิตตึงมาก (หัวเราะ) เรียกว่าเต้นได้ทุกท่าตามที่ชอห์นว่า บางทีชอห์นก็จะไปชี้บอกจุดว่าทำตรงนี้ เกร็งตรงนี้ ตึงตรงนี้ ...
ถ้าให้ลองเปรียบเทียบ ความเหนื่อยในการเต้น T25 เหนื่อยพอๆ กับการทำอะไร
หลังจากเต้นเสร็จเราแทบจะหายใจไม่ทันจนหาว เพราะอากาศเข้าไม่ทัน ถ้าให้เทียบกับอะไรที่เหนื่อยขนาดนั้นคงต้องวิ่งสักประมาณ 1 กม. แต่ในความเร็วประมาณ 6 นาที เรียกได้ว่าเสียงหัวใจเต้นดังพั่บๆๆๆ คนรอบข้างได้ยินเลย แต่มันสะใจ แต่ด้วยความที่ร่างกายระบายความร้อนออกมาเป็นเหงื่อ พี่…รู้สึกดี (ยิ้ม) บอกไม่ถูกเลยเรารู้สึกสดชื่น กลายเป็นคนเสพการออกกำลังกายที่ค่อนข้างจะหนักขึ้นเหมือนเป็นการเสพติด ช่วงหลัง ๆ ไม่มีเวลาไปวิ่งสวนลุมฯ ก็ชวนเพื่อนวิ่งขึ้นลงตึก เป็นการเบิร์นก่อนไปเต้น T25 วิ่งขึ้นลง 16 ชั้น ประมาณครึ่งชั่วโมงหลังจากนั้นเราก็จะมาเต้นT25 อีก 25 นาที มันก็จะอยู่ในระดับที่พอดี
เคยมีช่วงเหนื่อยหรือท้อ อยากลองหันไปเล่นกีฬาอย่างอื่นมั้ย ?
ไม่ค่ะ !! พี่ไม่เคยรู้สึกแบบนั้นเลยตั้งแต่เต้นมา แต่ว่ามันจะมีช่วงเต้นที่เป็นช่วงปลาย ถ้าเราเหนื่อยมันก็จะมีเสียงหน่อย (อ๊าย… กรี๊ดเรียกพลัง) หรือบางช่วงที่ต้องเกร็งในระยะเวลาที่เค้ากำหนด มันเกร็งจนต้องเปล่งเสียงออกมา หน้าแดง เหงื่อหยดลงพื้นจนต้องคอยไล่เช็ด สะใจอย่างงั้นเลย …
เค้าบอกว่าออกกำลังกายมันช่วยหลั่งสารแห่งความสุข ?
ค่ะ คิดว่าอย่างนั้น … คืออย่างอาทิตย์นี้พี่เอสจะไม่ค่อยเต้นด้วยอะไรหลายอย่าง ก็เลยต้องรีบกลับมาเต้นแล้ว คิดถึงแล้ว รู้สึกพอไม่ได้เต้นแล้วมันไม่สดชื่น พอเต้นแล้วเราเหมือนได้ปลดปล่อย มันทำให้ร่างกายได้ปรับสภาพจากความเหนื่อยล้าของการทำงาน สุขภาพดีขึ้น ไม่เป็นคนขี้เหนื่อย นี่ก็เพิ่งไปขึ้นเขามานี่สบายมาก
ข้อมูลในการออกกำลังกายแบบ T25 เขาบอกให้กินคลีนหรือควบคุมอาหารไปด้วย พี่เอสได้ทำมั้ย ?
พี่เอสเป็นคนกินปกติ ในความคิดของพี่คิดเอาเองว่าการกินคลีนมันก็คงจะเห็นผลเร็วขึ้น แต่เดี๋ยวถ้าเรากลับไปกินแบบปกติหละ มันจะมีปัญหาอะไรมั้ย พี่ก็เลยเลือกกินแบบปกติแต่เลือกอาหารมากขึ้น ไม่กินไขมัน ไม่กินของทอด และก็ต้องปรับเวลาการนอนด้วย นอนให้เร็วขึ้นกว่าเดิม ห้าทุ่มหรือห้าทุ่มครึ่งไม่เกินเที่ยงคืน เพราะว่าถ้านอนดึกเราจะออกกำลังกายแบบหนัก ๆ ไม่ได้ มีอยู่ครั้งหนึ่งพี่เอสนอนดึกมากเกือบตี 2 อีกวันนึงมาออกกำลังกาย มันจะรู้สึกเหนื่อยหอบจนแทบจะหน้ามืด แสดงว่าร่างกายเราไม่พร้อมแต่เราหักโหม ร่างกายเราไม่พร้อม แต่ใจเราอะพร้อมมาก
การที่ T25 มันฮิตมาก ๆ พี่เอสคิดว่ามันเป็นแค่กระแสการตลาดตามดาราหรือมันเป็นการออกกำลังกาย
ที่มันเห็นผลจริงไม่ใช่แค่การโฆษณา ?
พี่ว่ามันเป็นทั้งสองอย่างแหละ มันขึ้นอยู่กับคนที่เลือกนำมา…จริง ๆ นะไม่ว่าจะ T25 หรือการออกกำลังกายแบบไหน ถ้าคุณมีวินัยมันได้ผลหมด ทั้งสุขภาพทั้งกล้ามเนื้อที่คุณอยากได้ พี่คิดว่าการตลาดของเค้า เค้าเห็นว่าคนเมืองหรือคนที่มีเวลาน้อยจะได้เลิกมีข้ออ้างกับตัวเองซักทีว่าคุณไม่มีเวลา เพราะเขากำหนดมาแล้วว่า 25 นาที แล้วเขาก็ปรับท่าให้มันเหมาะ ถ้าคุณมีใจ ใคร ๆ ก็เต้นได้นะพี่ว่า… บางคนอาจจะไปฟังจากคนอื่นมาว่า อุ๊ย ! มันเหนื่อยมันหอบ การออกกำลังกายมันก็ต้องเป็นอย่างนี้ จะให้นั่งสบาย ๆ เหมือนนั่งกินป๊อบคอร์นดูหนังมันก็ไม่ใช่ แต่สำหรับพี่ พี่เห็นผลกับมัน…
เห็นผลในด้านไหนบ้าง ?
สุขภาพดีขึ้นค่ะ อาการปวดหลังที่พี่เคยเป็นมาก่อนก็ไม่มี กล้ามเนื้อกระชับเรารู้สึกได้อย่างที่บอกไปข้างต้นว่าเราเอากางเกงยีนตัวเก่ามาใส่ได้ รูปร่างดีขึ้น ผิวดีขึ้น … ไม่รู้ว่าจะคิดไปเองรึเปล่า เหมือนหลังจากเล่น T25 ไป เราจะรู้สึกว่าต่อให้หน้าเราโซมไปด้วยเหงื่อแต่เราก็รู้สึกสดชื่น แล้วยังทำให้เรามีสมาธิในการทำงานมากขึ้นด้วย ตอนแรกคือพี่คิดว่าจะออกกกำลังกายเพื่อให้น้ำหนักลงมาอีกหน่อย เพราะว่าตอนนี้วิ่งแบกน้ำหนักตัวเองเยอะไป บางทีก็มีอาการปวดข้อเท้าบ้าง เลยคิดว่าถ้าลดน้ำหนักลงมาอีกหน่อยการวิ่งมันคงจะสมูทขึ้น เดี๋ยวจะได้กลับไปวิ่งบ้าง พี่เลยเอาตัว T25 มาควบคุมน้ำหนักก่อน มันทำให้เราอดทนขึ้น เพราะเราจะต้องอึดให้ได้ เราต้องทำให้ได้ภายใน 25 นาทีนี้ให้ได้ห้ามหยุด เต้นท่าโน้นมาต่อท่านี้ด้วยท่านั้น แล้วเกร็งหน้าท้อง 4 - 5 ท่า คือก็ต้องฝืนทำให้ได้ เหมือนมันเป็นการสอนให้ร่างกายจำไว้ว่าเราต้องอดทน พอไปวิ่งเราจะได้สบายขึ้น ใช้ใจอย่างเดียว พี่คิดว่าการเต้น T25 ทำให้การวิ่งของพี่ดีขึ้นด้วย
สุดท้าย ถ้ามีเด็ก ๆ น้อง ๆ อยากจะลองเล่น T25 พี่เอสจะแนะนำเค้าอย่างไรบ้าง
พี่อยากให้เค้าลองศึกษาดูก่อนว่าการออกกำลังกายประเภทนี้เหมาะกับสุขภาพร่างกายของเขารึป่าว อย่างถ้าคนอ้วนมาก ๆ อาจจะมีปัญหาในเรื่องของการกระแทก เพราะช่วงแรก ๆ จะมีการกระโดด อาจจะมีปัญหาเรื่องรอยต่อของเข่าและข้อ หรือคนที่เป็นหอบหืดกลัวว่าเหนื่อยเกินไปมันจะมีปัญหาต่อสุขภาพ ก็อยากให้ศึกษาก่อน ส่วนคนทั่วไปก็ให้สังเกตตัวเองไว้ว่าตอนนี้เราเหนื่อยเกินไปรึป่าว เอาที่พอหายใจไหว อย่าให้ถึงขั้นช็อคไป ไม่ใช่ว่าออกกำลังกายจนทำให้ตัวเองบาดเจ็บ อย่างนั้นมันไม่ใช่เพื่อสุขภาพ แบบนั้นมันทำร้ายตัวเอง การที่เราจะออกกำลังเราแต่ละอย่าง เราคงมีโจทย์อยู่แล้วแหละว่าเพื่อสุขภาพรึป่าวหรือเพื่อลดน้ำหนัก จริง ๆ แล้วเราได้อะไรหลาย ๆ อย่างจากการออกกำลังกายนะ ได้ผิวพรรณที่ดี ได้ความอดทนมากขึ้น กลายเป็นคนอึด (หัวเราะ) ก็ลองศึกษาดูค่ะว่าสิ่งไหนที่เหมาะกับตัวเอง แล้วก็ใช้ใจ พี่เชื่อว่าทุกคนทำได้หมดค่ะ…
สองล้อคู่ใจกับสาวหน้าใสสุดติสท์
ในกรุงเทพมหานคร เมืองหลวงอันศิวิไลซ์ของใครหลายคน ยังมีผู้หญิงตัวเล็ก ๆ อย่าง
ฝ้าย ปวีณพร วิจิตรานุช สาวกราฟิกดีไซเนอร์ไฟแรงที่มีชีวิตประจำวันคลุกคลีอยู่กับจักรยานคันโปรดของเธอ ทั้งปั่นมาทำงาน และปั่นไปเที่ยว ชื่นชมเรื่องราวระหว่างสองข้างทาง นั่นเป็นสิ่งล้ำค่าที่เธอบอกว่า มันทำให้ชีวิตของเธอสนุกสนานและมีความสุขมากขึ้นเป็นกอง...อย่ารอช้า มาทำความรู้จักกับเธอกันดีกว่า !!!
- แนะนำชื่อเสียงเรียงนามกันหน่อยซิ เรียนจบที่ไหน ทำอะไรอยู่ตอนนี้ ?
ชื่อปวีณพร วิจิตรานุช ทำอยู่ แผนกกราฟิก เป็นกราฟิกดีไซเนอร์ จบ ม.ศิลปากร มัณฑณศิลป์
- จักรยานเป็นรุ่นใด ประเภทไหน ทำไมถึงเลือกขี่รุ่นนี้ ?
เป็นจักรยานพับมือสองค่ะ พอดีไปเจอกับพี่ที่รู้จักกัน ก็เลยได้มา เป็นมินิคูเปอร์จักรยานพับ ล้อ 16 นิ้ว พกพาง่าย จะยกไปที่ไหนก็ได้
- ทำไมถึงคิดที่จะมาปั่นจักรยานมาทำงาน แล้วปั่นมานานรึยัง ?
ที่คิดปั่นจักรยานมาทำงานก็เพราะว่า มันค่อนข้างประหยัดเวลา และก็เป็นคนที่รำคาญเวลารถติด แล้วก็เห็นว่าจักรยานน่าจะปั่นได้แป๊บเดียว มาถึงออฟฟิศง่าย แล้วก็ปั่นมาได้ประมาณปีกว่าแล้วตั้งแต่ทำงานมา
- แล้วปั่นมาเส้นทางไหน ?
ปั่นมาเส้นทางนราธิวาส ที่จริงก็คืออยู่หอแหละค่ะ แต่คือระยะทางจากหอมาถึงออฟิศมันสั้น ๆ แล้วก็รู้สึกว่าแถวนี้รถมันติดมากตรงสาธร ก็เลยคิดว่าลองปั่นจักรยานดูดีกว่า ซึ่งแต่ก่อนไม่เคยปั่นออกถนนใหญ่จริงจัง เคยปั่นจากในหมู่บ้านมาหน้าหมู่บ้าน แล้วมาต่อรถ แต่อันนี้ปั่นมาถึงออฟิศ ก็สะดวกสบายดี ไม่ต้องเปลี่ยนเส้นทางการเดินทางบ่อย แล้วก็ได้ออกกำลังด้วย
- เวลาปั่นจักรยานต้องเตรียมตัวอะไรบ้าง มีใส่อุปกรณ์ป้องกันอะไรบ้าง ?
ที่แน่ ๆ ก็คือต้องมีไฟหน้า ไฟท้าย แถบสะท้อนแสง หมวกกันน็อค และถุงมือเพื่อเป็นการเซฟตี้ตัวเราเอง เวลาเราปั่นเช้าก็ยังไม่ต้องเปิดไฟ แต่เวลากลางคืนมันจะค่อนข้างอันตราย ก็ต้องเปิดไฟ ทั้งไฟหน้าไฟหลัง
- เช้ามาถึงที่ทำงานประมาณกี่โมง ใช้เวลาปั่นจากที่พักนานมั้ย ?
ปั่นมาถึงที่ทำงานก็ประมาณแปดโมงถึงแปดโมงครึ่ง แปดโมงห้าสิบ มันค่อนข้างประหยัดเวลาไปได้เยอะจากหอที่ระยะทาง 2 กม.กว่า ก็ปั่นภายในเวลาประมาณ 10 นาทีถึง ทั้ง ๆ ที่ตรงนั้นเป็นแยกใหญ่ แยกตรงสาธร นราธิวาส คือรถจะติดหนักมาก แต่เรากลับไปได้เร็ว ก็ใช้เวลาน้อย ค่อนข้างมีเวลาทำอะไรเยอะ แวะซื้อของกินระหว่างทางได้
- แล้วช่วงที่ยังไม่ได้ปั่นจักรยาน คือนั่งรถสาธารณะมาทำงาน ใช้เวลานานกว่ากันเยอะมั้ย ?
โอ้ !! ก็ เกือบ ๆ ชั่วโมง คือจากหอถึงออฟฟิศ เพราะค่อนข้างรถติดหนัก
- เสน่ห์ของการปั่นจักรยานสำหรับฝ้าย คิดว่ามันคืออะไร ?
เรื่องรักษ์โลก คือค่อนข้างจะ Think green คือทำให้เราประหยัดพลังงานบนโลก ลดการใช้น้ำมัน ซึ่งเป็นทรัพยากรที่ใกล้จะหมดแล้ว แล้วก็เซฟตัวเราด้วย ได้ออกกำลังกาย ได้สุขภาพที่ดีขึ้น กับโลกที่ได้พลังงานสีเขียว ซึ่งมันไม่ได้ทำให้ตรงไหนมันสูญเสีย ระหว่างทางเราก็ยังได้พบกับมิตรภาพของคนที่เราอาจจะไม่เคยรู้จัก แต่เค้าก็มาทักทายเรา ยิ้มให้เรา ทั้ง ๆ ที่บางทีเราก็ไม่ได้คาดหวัง แต่พอได้รับเราก็รู้สึกว่า อืม…มันดีจัง .. แล้วก็ระหว่างทางมันมีอะไรให้เราดูมากมาย คือร้านบางร้าน เราอาจจะอยากแวะ อยากจะซื้อระหว่างทาง มันก็เป็นอะไรที่เป็นเสน่ห์ของการปั่นจักรยานดีเหมือนกันนะ ทำให้เราไม่พลาดความสวยงามระหว่างทางที่เราเจอ ไม่ว่าจะเป็นวิว เป็นผู้คน เพราะว่าหากเรานั่งรถ เราก็จะไม่ได้แวะอยู่แล้ว คือเราก็จะข้าม ๆ เราจะหลับบนรถ ไม่สนใจข้างทาง ทำให้เรารู้จักสังเกตและรู้เส้นทางใหม่ ๆ มากขึ้น ทั้ง ๆ ที่เมื่อก่อนก็จะเดินทางเพียงเส้นทางเดียวตามรถเมล์ ตาม BTS ทั้ง ๆ ที่จักรยานมันซอกแซก มันไปทางไหนก็ได้ ได้เจอที่ใหม่ ๆ มันก็สนุกไปอีกแบบนึง
- คิดว่าเลนสำหรับจักรยานในกรุงเทพฯเป็นยังไงบ้าง ในความคิดของฝ้าย ? เขาจัดไว้ให้เพียงพอมั้ย ?
อืม.. ถ้าพูดถึงเส้นทางจักรยาน เส้นที่ปั่นมาทำงานอย่างสาธรเหนือ สาธรใต้ มันเป็นเส้นที่โอเคนะ คือเลนชัดเจน แต่ปัญหาของคนใช้ถนนก็คือคนที่ขับรถ มักจะชอบไปจอดทับ คร่อมเลนจักรยาน ซึ่งจักรยานมันก็เกิดความเสี่ยงมากขึ้นก็คือ มันก็ต้องออกนอกเส้นทาง หรือไม่ก็แย่งพื้นที่กับรถบนถนน ซึ่งจุดนี้ก็อาจจะทำให้คนที่ปั่นจักรยานกล้า ๆ กลัว ๆ กลัวโดนรถเฉี่ยว ถ้าเป็นตามตรอกซอกซอยที่มาออฟฟิศอย่างซอยพิพิฒน์เนี่ย ก็จะมีหลุมค่อนข้างเยอะ กับเลนทางด้านซ้ายมือ มีหลุมบ่อเยอะ คือต้องปั่นด้วยความระมัดระวัง อีกอย่างพวกท่อระบายน้ำ ซึ่งมันเป็นอันตราย เกือบจะล้มหลายรอบ เพราะมันเป็นร่องค่อนข้างลึก บางทีบางอันก็ลืมปิดฝา ต้องคอยระวังด้วยส่วนหนึ่ง
- ปกติเวลาจักรยานเสีย อุปกรณ์ชำรุด ซ่อมเองรึป่าว ?
ถ้าเรื่องปะจักรยานก็คงจะเป็นที่ร้าน แต่ถ้าอย่างแฮนด์หลุด ก็จะพยายามซ่อมเอง พันแฮนด์เอง ถ้าโซ่พอต่อได้ก็จะต่อเอง แต่ถ้ามันชำรุดหรือหย่อน ก็จะไปร้าน พวกข้อต่อเล็ก ๆ น้อยๆ ที่หลวม ก็ อาจจะไขเองบ้าง ใช้สกรูไข ก็ยังพอทำได้เองอยู่
- คิดอย่างไรกับการที่กรุงเทพฯ รณรงค์เป็นเมืองจักรยานหรือเมืองนักปั่น ?
พูดถึงเมืองจักรยาน คือเมืองจักรยานที่พร้อมจริง ๆ ต้องลองนึกไปถึงประเทศใกล้เคียง คือกรุงเทพพยายามจะทำเลน ที่จอด แต่กลับใช้ไม่ได้จริง เวลาจริงมันอาจจะต้องไปเสี่ยงบนถนนมากกว่า คือเคยดูรายการนึง ต่างประเทศเขาทำที่จอดให้ความปลอดภัยสูง เพราะมีระบบการจัดการที่ดี แต่ของเราเหมือนจัดให้ไปจอดกลางแจ้ง จอดในที่ที่ค่อนข้างอันตราย เช่น ใต้สะพานลอย หรือในหลืบที่อาจจะเสี่ยงต่อการขโมยได้ง่าย ซึ่งในประเทศไต้หวันหรือญี่ปุ่นนี่เขาทำเส้นทางไว้รอบเมือง เป็นเส้นทางที่ลัดเลาะไปตามธรรมชาติ เป็นทางที่ไม่ได้ใช้แล้ว เช่น ริมทางรถไฟเก่า แต่เขากลับรีโนเวท หรือทำให้มันดีขึ้น โดยที่ให้ระหว่างทางมันมีไรที่น่าดู ให้คนอยากจะมาปั่นมากขึ้น อย่างในห้องน้ำ เขาก็มีการให้เข็นจักรยานเข้าไปได้เลย โดยไม่ต้องลงจากรถเลย ที่จอดก็ค่อนข้างปลอดภัย มีคนเฝ้า มีกันสาดกันแดด กันฝน ซึ่งความปลอดภัยสูงกว่า อยากให้ในกรุงเทพทำแล้วใช้ได้จริง ไม่อยากให้ทำแล้วรื้อทิ้ง อย่างที่จอด เห็นรกร้างสนมกิน แล้วก็ยกเลิกไป อย่างอีกตัวอย่างคือทางจักรยานใช้ร่วมกับคนเดิน ทั้ง ๆ ที่ทางเท้าก็แคบแล้ว แต่กลับให้ใช้ร่วมกับคนเดิน เพราะฉะนั้นควรใช้ได้จริง ไม่ใช่แค่การรณรงค์เท่านั้น
อ่ะ พักเรื่องหนัก ๆ กันก่อน (ฮา)
- วันหยุดชอบไปไหน แล้วปั่นไปเที่ยวไหนมั่งรึป่าว ?
วันหยุดเสาร์อาทิตย์ก็จะปั่นสวนลุมพินี สวนลุมเค้าจะเปิดให้ปั่นจักรยานช่วง 10:00-15:00 น. ก็คือจะปั่นในสวน เพราะความปลอดภัยมันจะสูงกว่าปั่นข้างนอก บริเวณถนน ถนนข้างนอกค่อนข้างหลุมบ่อจะเยอะ แต่ถ้าไปต่างจังหวัดก็เคยเอารถจักรยานขึ้นรถไฟ แล้วก็ไปหัวหิน ปั่นเข้าไปในเมือง ไปเขาตะเกียบ ไปตลาดซิคาด้า เที่ยวริมทะเล ดูวิว แต่ถ้าปั่นแบบออกกำลังกายจะปั่นที่สุวรรณภูมิกับสวนลุมฯ
- เคยปั่นจักรยานไปไกลสุดที่ไหน ทำไมถึงไป ?
ถ้าปั่นไกล ๆ ออกทริปจริงจัง ก็จะเป็นปีก่อน เคยปั่นของบริษัทรถบริษัทนึงที่เค้าจัดแคมเปญวันพ่อ คือปั่นเฉลิมพระเกียรติ ที่พระประแดง ก็คือปั่นไป-กลับประมาณ 80 กิโลเมตร ได้บรรยากาศคือได้ขึ้นสะพานภูมิพล เป็นสะพานที่เราไม่น่าได้ปั่นขึ้นไปในเวลาปกติแน่ ๆ เพราะเป็นสะพานที่ตัดกับทางด่วน และเป็นสะพานที่สูงมาก คือข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา 2 สะพานใหญ่ ซึ่งมันก็เป็นประสบการณ์ดี ๆ ได้เห็นวิวได้มุมที่ไม่เคยเห็นมาก่อน
- ได้ประโยชน์หรือแรงบันดาลใจอะไรใหม่ ๆ จากการปั่นจักรยานบ้าง ?
หนึ่งเลยคือ ได้ Think Green อย่างที่บอกคือได้รักษ์โลกและลดพลังงาน สองคือได้กับตัวเราคือสุขภาพที่ดีขึ้น ได้ไอเดียใหม่ ๆ ระหว่างทาง ได้พบปะผู้คน ได้เห็นอะไรที่เมื่อเรานั่งรถแล้วเราไม่เห็นแน่ ๆ ได้เจอมิตรภาพระหว่างทางที่ดี
- บางคนบอกว่า “ปั่นจักรยานในกรุงเทพเสี่ยงอันตรายสูง เพราะรถราเยอะมาก” สำหรับฝ้าย คิดว่ายังไง อันตรายมั้ย?
ถ้าเป็นมือใหม่ในช่วงแรก ๆ ที่ปั่น ก็กลัวอยู่เหมือนกันว่าเราจะโดนรถบรรทุกหรือรถเมล์เฉี่ยวมั้ย ซึ่งตอนปั่นเนี่ยรถเมล์เจอประจำ แต่ถ้าเราอยู่ในมุมที่เป็นเลนจักรยาน มันก็โอเคสำหรับความปลอดภัย แต่ว่าก็อยากให้คนที่ใช้รถใช้ถนนเห็นเราเป็นส่วนหนึ่งในการใช้ถนนร่วมกัน เพราะยังไงก็ใจเขาใจเรา ไม่ใช่จะขับครองถนนอยู่คนเดียว ซึ่งเราก็เป็นคนตัวเล็ก ๆ คนนึง ช่วยแบ่งที่ให้พวกเราหน่อย ริมเลนซ้ายสุด ก็อยากให้เห็นใจเราหน่อย
- อุปสรรคหนัก ๆ ในการปั่นจักรยานในกรุงเทพ มีอะไรบ้าง?
ที่เคยกล่าวไปข้างต้นก็คือ ถนนเป็นหลุมบ่อ และคนใช้ถนนที่ไม่เคารพกฏ คือจอดคร่อมเลน เจอบ่อยแทบทุกวัน
- ถ้าให้คิดเล่น ๆ อยากจะทำกิจกรรมอะไรเกี่ยวกับการปั่นจักรยานในกรุงเทพ แล้วจะทำอย่างไรบ้าง ?
ความชอบส่วนตัวเป็นคนที่ชอบหาอะไรกินใหม่ ๆ และชอบปั่นไปที่ใหม่ ๆ ไปดูระหว่างทางมีร้านน่ารัก ๆ บางทีมันเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างไอเดีย ทำให้เรามีความสุขกับการได้เห็นอะไรใหม่ ๆ หรือว่าปั่นไปบริจาคของเล็ก ๆ น้อยๆ ให้กับบ้านเด็กกำพร้าน่าจะเป็นไอเดียที่ดี
- ถ้ามีคนอยากจะปั่นจักรยานมาทำงาน ไปเรียน หรือปั่นไปเที่ยว ฝ้ายมีอะไรจะแนะนำถึงนักปั่นหน้าใหม่?
อันดับแรกก็ต้องเลือกจักรยานให้เหมาะกับตัวเรา ให้เรารู้สึกว่าเราใช้ประโยชน์ในด้านไหน ถ้าใช้ระยะทางไกล ก็จะเป็นทัวริ่ง อยากให้สะดวกหน่อยก็ใช้เป็นจักรยานพับ หรือว่าถ้าเราปั่นแบบเอดเวนเจอร์หน่อย ขึ้นเขา ก็จะเป็นเสือภูเขา ถ้าเป็นเรื่องของความเร็ว สายสนาม น่าจะใช้เสือหมอบ แต่ก็ต้องค่อนข้างระวัง แต่อย่างฟิกเกียร์ วัยรุ่นเล่นกันเยอะ แต่ทั้งนี้ก็ต้องขึ้นอยู่กับความชอบ ถามตัวเราว่าอยากจะทำอะไรมากกว่า แล้วพวกอุปกรณ์ป้องกัน สำคัญมาก ไม่ควรจะขาด อย่างพวกไฟ หมวกกันน็อค ถุงมือ และแถบสะท้อนแสงในเวลากลางคืน
สุดท้าย... อยากฝากอะไรถึงคนที่ชอบปั่นจักรยานในกรุงเทพฯ
ถ้าปั่นในท้องถนนเราก็ต้องมีสติ ครองสติ บางทีรถอื่นก็อาจจะไม่ได้ให้ทางเราเสมอไป คือเขามาใช้ทางร่วมกับเรา อย่างมอเตอไซค์เนี่ยต้องระวัง เขาอาจจะเฉี่ยวชน หรืออย่างหลุมบ่อ ก็ต้องอย่าปั่นแรงมาก เน้นปั่นแบบที่เราสามารถควบคุมได้อยู่ด้วย ปั่นแต่พอดี ถึงบ้านแบบปลอดภัยดีกว่า …
สองแขนที่เหล็กดาม
คนสองคนที่ประสบอุบัติเหตุต่างกรรมต่างวาระกัน จนเกิดรอยแผลเป็นที่แขนซ้ายเหมือนกันโดยต้องใช้เหล็กฝังอยู่ภายใน อุบัติเหตุเหล่านั้นทำให้พวกเขามองโลกและใช้ชีวิตต่างไปจากเดิมไหม และเราจะเรียนรู้อะไรจากประสบการณ์ของพวกเขาได้บ้าง ลองมาฟัง
เบียร์ - ศิระวิทย์ รัตนภักดี และ
เจ๋ง - สุมล ผ่องฉาย กับเรื่องราวของพวกเขากัน
แนะนำตัวเองและแผลอันทรงเกียรติหน่อยค่า
เบียร์ : ชื่อเบียร์ครับ มาจากจังหวัดเลย ตำแหน่งที่ทำอยู่เป็น Software Engineer เขียนและพัฒนาแอพพลิเคชั่นมือถือ เคยแขนหักช่วงท่อนล่าง สองแผลด้านในกับด้านนอก เย็บประมาณ 25 เข็ม เหล็ก 6 ซม. ยึดน็อต 8 ตัว
เจ๋ง : สุมล คนระยองครับ ตอนนี้เป็น Sales (Up Country) ดูแลผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับสิ่งพิมพ์ แผลผ่าตัดที่แขนท่อนบนเย็บทั้งหมด 24 เข็ม เหล็ก 8 ซม. น็อต 11 ตัวครับ
เหล็กแบนหรอคะ
เบียร์ : ครับ
สีอะไร
เบียร์ : ไม่รู้นะ ผมว่าจะผ่าดูอยู่
แล้วไปทำยังไงถึงได้มาคะ
เบียร์ : ผมแขนหักที่เดิม 2 ครั้ง ครั้งแรกร้าวจากการซ้อมตะกร้อ เข้าเฝือกไปเดือนครึ่ง ส่วนครั้งที่ 2 แขนยังไม่หายดีเท่าไหร่กลับไปเล่นตะกร้ออีก รอบนี้หักสองท่อนได้ดามเลย คือผมเป็นตัวตีไงแล้วขึ้นผิดพลาด มันเกิดจากความพร้อมของตัวเองไม่เต็มร้อย กล้า ๆ กลัว ๆ ในลูกนั้นผมไม่โอเคกับจังหวะ เลยพลาดลงเร็วกว่าปกติ เอามือข้างที่เคยหักยันพื้น แรงจากตัวก็กดทับแขนหัก แต่มันไม่ได้หลุดนะครับ
ตอนนั้นผมตกใจ ทำไมแขนมันงอผิดรูปอย่างนี้ เจ็บมากไปถึงสมอง กลัวอยู่ว่าจะได้ตัดแขนมั้ยน้า กลัวเป็นมากกว่าแขนหักเพราะนิ้วขยับไม่ได้เลย ชาไปหมด
เจ๋ง : ของพี่ตอนเรียนอยู่ไปเป็นไม้กันหมาให้เพื่อนครับ ไปนั่งกินเป็นเพื่อนเขาแถวถ.อักษะ เขาเพิ่งคบกับแฟนใหม่ ๆ ตัวเราไม่ได้กิน ไม่ชอบกิน จากนั้นก็จะไปแถวหน้ารามต่อ คือพี่ยังขับรถไม่เป็น แฟนเพื่อนเลยเป็นคนขับ เขาไม่ถึงกับเมานะแต่ไม่ปกติแน่ ๆ โค้งแรกก็แทบจะแหกโค้งแล้ว ตอนนั้นอยากกระโดดลงไปนั่งแท็กซี่มากเลย
ออกจากอักษะกำลังจะเลี้ยวเข้าพุทธมณฑล เป็นถนน 2 เลน มีมอเตอร์ไซค์มาตัดหน้า คนขับตกใจก็หักหลบ หมุนไปสามสี่รอบเหมือนในหนัง ไปชนตู้มเข้ากับเสาไฟฟ้า พี่นั่งติดประตูซ้ายสุด เวลารถหมุนเราก็เอาแขนซ้ายค้ำประตูเอาไว้ จังหวะชนหน้าไปกระแทกกับเบาะรถ เลือดไหลจนมองอะไรไม่ชัด พอลองขยับแขนกำมือซ้าย มันทำไม่ได้ เหมือนมีอะไรกึ๊ก ๆ ตรงที่หัก แต่ไม่เจ็บเลยนะ สิ่งแรกที่นึกคือเราตายแน่ ไม่รอดแน่แล้ว กลัวรถระเบิดเพราะควันโขมงเต็มรถเลย ประตูรถเปิดไม่ออกแล้วยังเว้าเข้าไปเป็นรูปแขน แต่ไม่ห้อย ไม่มีแผลหรือเลือดอะไรนะ
มีคนจอดมอเตอร์ไซค์ดู พอเห็นว่ายังมีสติก็พูดว่า ‘เฮ้ยมันยังฟื้นอยู่ ไปดีกว่า’ คนไทยนี่แล้งน้ำใจนะแทนที่จะช่วยกัน พอดีสายตรวจผ่านมา โทรเรียกรถพยาบาลให้
พอไปถึงหมอ หมอบอกว่า
เบียร์ : ได้ผ่าในคืนนั้นเลย ฉีดยาชาครึ่งตัว ไม่ได้ยาสลบเลยยังได้ยินทุกอย่างที่เกิดขึ้น เสียงมอเตอร์ เสียงหมอสั่งอะไรได้ยินหมด ประมาณ 2 ชั่วโมง ออกมาแขนยังขยับไม่ได้ก็กลัวพิการมาก นอนโรงพยาบาลต่อ 2 วัน มีอาเจียนจากผลข้างเคียงของยาบ้าง
เจ๋ง : กระดูกแขนซ้ายท่อนบนเละหมด เหมือนไก่ที่เขาเอาค้อนทุบ เรื่องเกิดเกือบตีสอง กว่าจะได้ผ่าก็ 4 โมงเย็น ต้องดามแขนนอนรอให้เขาฉีดมอร์ฟีนแก้ปวด พอผ่าตัดหมอก็เอากระดูกที่แตกมาเรียงให้เข้ารูป เอาเหล็กดามแล้วเจาะกระดูกยึดด้วยน็อต
ตอนแรกหมอบอกว่าถ้ากระดูกทิ่มเส้นเลือดใหญ่จะต้องตัดตั้งแต่โคนแขนไปเลย ถ้ากระดูกแหลกกว่านี้ซัก 10% เสียรูปเดิมไปเลยก็ต่อไม่ได้แล้ว ตกใจมากเลย กว่าจะกลับมาใช้ได้ปกติก็ 3-4 เดือน ทรมานสุด ๆ
ตอนแรกพี่อยากให้คนขับมันตายมากเลยนะ มันไม่ใช่เพื่อนสนิทเรา แล้วตอนชนในรถยังมีเหล้าอยู่เลย ตำรวจเขาอุตส่าห์เมตตาช่วยหยิบทิ้งจะได้เรียกประกันได้ แต่ปรากฏว่ารถทะเบียนขาดมาเดือนนึงแล้ว คือมันไม่มีความรับผิดชอบอะไรเลย สุดท้ายเราต้องมาจ่ายเงินเองหมดไปเกือบ 70,000 เจ็บตัวไม่พอ เสียเงินเองแล้วยังไปสอบไม่ได้ต้องดร็อปเรียนอีก จบห้าปี
แล้วเขาได้คบกับเพื่อนพี่ต่อไหมคะ
สุดท้ายก็ไม่ได้ ไม่กี่เดือนก็แยกกัน
ช่วงพักฟื้นเป็นอย่างไรบ้างคะ
เบียร์ : กลับบ้านไปพัก 3 เดือน ต้องคล้องแขนไว้และกินแคลเซียมเสริมตลอด ลำบากตอนอาบน้ำ อาทิตย์แรกปวดมาก ถ้าอากาศเย็นเหล็กมันก็จะเย็นด้วย ส่วนแผลผ่า 2 อาทิตย์ก็ติดกันแล้ว ถึงหมอเขาจะยืนยันว่าแขนขาหักเป็นเรื่องปกติ แต่ใจเราก็กลัวว่ามันจะไม่ปกติ ก็บอกตัวเองว่าเอาวะ ยังไงมันก็เป็นไปแล้ว ต้องดูแลตัวเองให้ดีที่สุด ก็ไม่ได้กลัวมากขนาดที่ว่าจะไม่ทำอะไรเลย พยายามบริหารตัวเอง ออกกำลังกาย กินอาหาร ให้กำลังใจตัวเองว่าเดี๋ยวมันก็ดีขึ้น
เจ๋ง : พักฟื้นที่โรงพยาบาล 1 อาทิตย์แล้วกลับบ้านที่ระยอง คล้องแขนไว้กับคอเกือบ ๆ เดือน ช่วงพักฟื้นรู้สึกกลัว แขยงอุบัติเหตุไปเลย เพราะมันเป็นเหตุการณ์ที่เร็วพริบตาเดียวต้องมาเป็นอย่างนี้ไปแล้ว นึกถึงคนที่ไม่ครบ 32 เค้ายังใช้ชีวิตอยู่ได้ เราแค่แขนข้างเดียวใช้ไม่ได้ยังลำบากมาก อาบน้ำก็ไม่ถนัด ตั้งแต่นั้นมาไม่เคยขี้เกียจอาบน้ำอีกเลย แรก ๆ ที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้มีพ่อกับแม่คอยช่วยเหลือ เช็ดตัว ยังดีที่เป็นแขนข้างไม่ถนัด ยังพอทำอะไรได้บ้าง
กลับไปหาหมออีก หมอว่าไงบ้าง
เบียร์ : ประมาณปีกว่าต่อมาผมก็ได้ผ่าเหล็กออก เพราะกระดูกเชื่อมกันเรียบร้อยแล้ว ถ้าไม่เอาออกแล้วเกิดอุบัติเหตุครั้งต่อไปมันอาจจะแทงออกมาได้หมอเลยแนะนำให้เอาออกดีกว่า
ทุกวันนี้เป็นยังไงบ้างคะ
เบียร์ : กระดูกต่อกันเรียบร้อยครับ ใช้งานได้ปกติ แถมข้างซ้ายเหมือนจะแข็งแรงกว่าข้างขวาด้วย เพราะใช้ออกกำลังกายบ่อยกว่าตอนกายภาพ
เจ๋ง : ทุกวันนี้แขนก็ไม่ได้ดีร้อยเปอร์เซ็นต์ ยกของหนักไม่ได้ หรือไปไหนหน้าหนาวก็ปวดทรมาน จริง ๆ มันต้องผ่าเหล็กออกแต่ก็แล้วแต่เราเลือกด้วย ของพี่พี่ว่ากระดูกมันติดกันไม่ค่อยดีเลยคงไม่ผ่าแล้ว ทุกวันนี้อยู่กับน็อต 11 ตัว บางครั้งผ่านเครื่องตรวจจับรถใต้ดินก็ร้อง แต่ถ้าเข้าสนามบินนี่เห็นชัดเลย
เขาเค้าใจใช่มั้ยว่าพี่ไม่ได้ลักลอบนำโลหะเข้าประเทศ
เจ๋ง : ก็บอกเค้าว่ามีเหล็กอยู่ในตัว ที่เข่าก็มีนะ คือเราเกิน 32 ไง
ประสบการณ์นี้สอนอะไรเราบ้าง
เบียร์ : สอนเรื่องความระมัดระวังเลยครับ เราต้องพร้อมกว่านั้น ถ้ารู้ร่างกายตัวเองไม่พร้อมก็ไม่ควรจะเสี่ยง จากนั้นมาก็คิดกลัวว่าจะเกิดอุบัติเหตุอย่างอื่นแล้วจะเสียแขนไป กลัวเป็นแบบเดิมอีกเลยระมัดระวังขึ้น ทุกวันนี้ขับรถก็ยังกลัวอยู่
เจ๋ง : เรื่องความประมาทแหละ หลังจากนั้นไม่เคยประสบอุบัติเหตุอีกเลย เราไม่ประมาท ทำงานที่นี่ขับรถสำรวจลูกค้าพี่ไม่เคยเฉี่ยวชนอะไรเลย เพราะเรามีสติตลอดเวลา เรื่องมันพริบตาเดียวจริง ๆ เสี้ยววินาที
เรื่องการคบเพื่อน
เจ๋ง : ก็ จากเมื่อก่อนใครชวนไปไหนก็ไปตลอด เฮฮา แต่ทุกวันนี้เริ่มดูแล้ว ถ้ามันเริ่มกินเหล้า ถ้ามันเริ่มเมา เราขอตัวเองละ กลับเอง เพราะกว่าเราจะกลับมาใช้ชีวิตปกติมันนานนะ ก็ฝังใจ มาหลอกหลอนเราตลอด จะคอยตั้งสติตลอดเวลา
แล้วคนใกล้ตัวเรา
เจ๋ง : คนเราจะรักกันจริงไม่จริงดูที่เจ็บป่วยนี่แหละ ถ้าเราเจ็บมันไม่ได้เดือดร้อนตัวเราคนเดียว พ่อแม่ก็ลำบากไปด้วย ไม่มีอะไรเหนือกว่าพ่อแม่อีกแล้ว ลูกจะดีจะชั่วอย่างไรพ่อแม่ก็ดูแลหมด มีไม่มีก็หามาให้จนได้
เตรียมตัวเองยังไงให้ทำใจง่ายขึ้นถ้าเจออุบัติเหตุอีก
เบียร์ : ก็คงต้องแล้วแต่มันจะเป็นนะ อย่างน้อยก็ยังเหลือแขนมากกว่าคนที่พิการ แล้วเดี๋ยวมันก็เปลี่ยนแปลงไปตามจังหวะชีวิตแหละ บางคนมีแขนสองข้างยังทำอะไรสู้คนมีแขนข้างเดียวไม่ได้
เจ๋ง : อย่างตอนที่ผ่าหัวเข่าหมอบอกว่าเดี๋ยวก็กลับมาเดินได้ แต่มีอีกคนเป็นมะเร็งที่ขามานอนอยู่ข้างเตียงเรา เช้ายังมีขาอยู่ครบ แต่ผ่าตัดชั่วระยะเวลาแค่ 3 ชั่วโมง กลับมาอีกทีขาหายไปเฉยเลย เขาจะอยู่ยังไง มันยิ่งเตือนสติเราว่าเรามี 32 นี่โชคดี อย่าไปท้อเลยจะมีหรือไม่มีใช้ แฟนทิ้งคิดมาก อยากทำร้ายตัวเอง โห
ช่วยส่งผ่านวิธีคิดในการอยู่กับผลของอุบัติเหตุหน่อย
เจ๋ง : เวลาเราเจ็บป่วยให้นึกถึงคนอื่นที่เขาไม่ได้ครบอย่างเราทำไมเขายังอยู่ได้เลย เราเองก็ต้องอยู่ให้ได้ อุบัติเหตุครั้งนี้ทำให้เรารู้เลยว่า เพียงแค่เราประมาทพลาดไปนิดนึงคนที่เดือดร้อนที่สุดคือพ่อแม่นะ แล้วคนเราเกิดมาครบ 32 นี่สุดยอดแล้ว จะมี จะจน จะรวยหรือว่าอะไรก็แล้วแต่ไม่ต้องไปสนใจหรอก ร่างกายที่ให้เรามาครบเนี่ยเราสามารถไปทำอะไรต่อได้ทุกอย่าง ทุกคนโชคดีที่สุดแล้วล่ะครับ